ENGLISH AROUND YOU 5 มิถุนายน 2562

สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับผู้ฟังเข้าสู่รายการ English around  You

ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์

คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

วันนี้พบกับดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย

ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน ทำหน้าที่ดำเนินรายการในวันนี้

รายการของเราออกอากาศในทุกวันพุธ

และเราจะอยู่ประจำในเวลา ตีสี่ ถึง ตีสี่ครึ่ง เป็นประจำทุกสัปดาห์

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 มิถุนายน พุทธศักราช 2562

วันนี้เรามีเรื่องราวที่จะนำเสนอคุณผู้ฟังเกี่ยวกับ

 

การใช้ anyway
คำนี้จะได้ยินบ่อยในบทสนทนา สงสัยกันไหมมันแปลว่าอะไร??

** ใช้ในความหมายว่า “อย่างไรก็ตาม, ยังไงก็แล้วแต่, อยู่ดีนั่นแหละ”
เช่น

This dress is so expensive, but I bought it anyway.
ชุดเดรสเนี่ยแพงเหลือเกิน แต่ยังไงฉันก็ซื้อมันอยู่ดี

I’m afraid I can’t come, but thanks for invitation anyway.
ฉันเกรงว่าจะมาไม่ได้น่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เชิญ

** ใช้เพื่อบ่งบอกว่า เรื่องที่พูดมาเนี่ยไม่สำคัญ แปลเหมือนกับ “ช่างเถอะ, ช่างมันเถอะ” เช่น

My joke seems boring, anyway forget it.
มุขตลกชั้นดูท่าจะน่าเบื่อ ช่างเหอะ ลืมมันซะ

** ใช้เพื่อบอกข้อมูลให้ชัดเจนลงไป เช่น

I can’t tell you. Not just now anyway.
ฉันบอกคุณไม่ได้ ยังไงก็ไม่ใช่ตอนนี้

Think about it for a while, for a few days anyway.
คิดเรื่องนี้สักหน่อยเถอะ สักสองสามวันก็ยังดี

** ใช้ในการเปลี่ยนเรื่องที่จะสนทนา หรือต้องการวกกลับมาคุยเรื่องที่คุยกันก่อนหน้า หรือต้องการจบบทสนทนา เช่น

สมมติว่าก่อนหน้านี้กำลังคุยกันว่า กลางวันนี้จะกินอะไรกันดี แล้วคุยกันยาวไปเรื่องอื่น สุดท้ายก็วกมาเรื่องข้าวกลางวันต่อ ก็พูดได้ว่า

Anyway, what’s for lunch today?
เอาล่ะ แล้วตกลงกลางวันนี้จะกินอะไรดี

Anyway, I’ve got to go now.
เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว

*** บางคนอาจจะสงสัยว่าในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จะใช้ by the way แทนได้มั๊ย
จริงๆ by the way จะใช้ต่างจาก anyway เล็กน้อยค่ะ
By the way จะใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน และเป็นหัวข้อที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่คุยกันอยู่ก่อนหน้านี้เลย ประมาณแบบ เพิ่งนึกขึ้นได้ ก็รีบบอก เช่น
เจอเพื่อนบนรถไฟฟ้า ก็ทักเพื่อนว่า
Hi, where are you going?
คุยกันสักพักก็นึกได้เรื่องปาร์ตี้เลยบอกว่า
By the way, don’t forget to come to the party on Sunday.

 

และอีกหนึ่งเรื่องราวดีดี จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ  to กับ for ที่มักใช้สับสนกัน

เป็นกันไหมคะ เวลาจะใช้ to หรือ for ก็เกิดคิดไม่ตก สับสนว่าจะใช้คำไหนดี
หลักการใช้สองคำนี้ มีว่าอย่างนี้ค่ะ

เราจะใช้ to กับการเคลื่อนย้าย จากจุดหนึ่งหรือสิ่งหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งหรืออีกสิ่งหนึ่ง หรือมีการโอนย้ายแลกเปลี่ยน
เช่น

I’ll drive you to school.

He sent this letter to you.

I wanna talk to you.

แต่การใช้ for ในการบอกวัตถุประสงค์ที่ทำด้วยความตั้งใจ หรือทำด้วยใจ เช่น

I sing this song for you.

She made this for you.

** ในประโยคนี้ “คุณสำคัญสำหรับฉัน”
หลายคนอาจจะเคยเขียนผิดเป็น  You are important for me.
เพราะแปลจากไทยเป็นอังกฤษแบบคำต่อคำ  “สำหรับ” ก็แปลว่า for ไง ใช่มั๊ย
แต่จริงๆแล้วต้องเขียนว่า You are important to me.

ถ้า important to + someone จะหมายถึง สำคัญกับใครในแง่ความรู้สึก

แต่ถ้า important for
จะหมายถึง สำคัญกับในแง่มีประโยชน์ เช่น

He is important for our organization.

**ประโยคนี้ก็ใช้ to เหมือนกันนะคะ

You are everything to me. ^^

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.pasaangkit.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-anyway/ และ http://www.pasaangkit.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-to-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-for/

 

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ  จากทางสถานี แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around  You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 mhz สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

 

มาติดตามรับฟังกันต่อในเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ somewhat somehow และ somewhere
สามคำนี้ somewhat somehow และ somewhere ต่างก็เป็น adverb ทั้งหมดเลยค่ะ แต่ความหมายต่างกันนะคะ

** somewhat แปลง่ายๆว่า “ค่อนข้างจะ” แต่ในบางสถานการณ์อาจจะแปลอย่างนี้ก็ได้ค่ะ เพื่อให้ได้อรรถรสในภาษา เช่น แปลว่า “ออกจะ, ติดจะ” มาดูตัวอย่างกันค่ะ

His behavior has been somewhat unreasonable.
พฤติกรรมของเขาดูออกจะไร้เหตุผลไปหน่อย (ค่อนข้างจะไร้เหตุผลนั่นแหละค่ะ)

The economy has improved somewhat during the past year.
เศรษฐกิจค่อนข้างจะดีขึ้นมาบ้างในช่วงปีที่แล้ว

This house is somewhat old, but it looks nice.
บ้านหลังนี้ติดจะเก่าไปสักหน่อยแต่ก็ดูสวยดี

** ส่วนคำว่า somehow แปลว่า ” ด้วยวิธีใดก็ตาม, ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง” หรือพูดง่ายๆประมาณว่า ไม่ว่ายังไง, ถึงยังไง ซึ่งบางทีผู้พูดเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือใช้วิธีไหน เช่น

I must get the ticket somehow.
ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องหาตั๋วมาให้ได้

Somehow he managed to pass all his exams.
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเขาก็พยายามอย่างมากที่จะสอบให้ผ่านทุกตัว

It seems strange somehow.
มันดูแปลกๆนะ (แปลกไปแบบที่ผู้พูดก็ยังนึกไม่ออกว่าแปลกยังไง)

มีประโยคมาให้ลองเปรียบเทียบเล่นๆนะ สำหรับสองคำนี้ คือ

He is somewhat strange. ประโยคนี้แปลว่า “เขา(เป็นคน) ค่อนข้างแปลกๆนะ

He is somehow strange. แต่ประโยคนี้แปลว่า “เขาดูแปลกๆไปนะ (คือมีนัยยะว่า แต่ก่อนอาจะไม่เปลี่ยนไปแบบนี้ แต่พอมาเจอตอนนี้ไม่เหมือนเดิม อะไรประมาณนี้ค่ะ)

เพราะฉะนั้นสองคำนี้ใช้แทนกันไม่ได้นะคะ ^^

** somewhere แปลว่า “ที่ไหนสักที่, ที่ไหนสักแห่ง” ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัด เช่น

I think I’ve seen you before somewhere.
ผมคิดว่าผมเคยเจอคุณมาก่อนที่ไหนสักที่ (แต่ก็นึกไม่ออก)

There must be a restaurant somewhere around here that’s supposed to be good.
มันต้องมีร้านอาหารที่ไหนซักร้านแถวๆนี้แหละที่มันน่าจะดีน่ะ

*** ลองมาดูประโยคที่มีเจ้า 3 ตัวนี้อยู่ด้วยกันดีมั๊ย ดูสิว่ามันจะแปลออกมาได้ว่ายังไง ^^

It may be somewhat hard to do, but somehow I must travel abroad somewhere.
มันอาจจะยากนิดนึง แต่ไม่ว่ายังไงชั้นก็ต้องหาทางไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหนซักที่ให้ได้

 

อีกหนึ่งเรื่องดี ๆ ที่อยากจะนำเสนอคือ การใช้ Why the long face??

หลายคนพอเจอคำถามนี้ อาจจะจิตตกนิดหน่อยว่ามายุ่งอะไรกับหน้าชั้น มันจะสั้นจะยาวก็หน้าชั้น หรือพาลตอบไปว่า ก็หน้าแบบนี้แม่ให้มา เพราะคุณดันไปคิดว่าเขาถามว่า “ทำไมคุณถึงหน้ายาว”

เอาล่ะ!! มาดูความหมายจริงๆกันดีกว่าค่ะ
long face ก็หมายถึง หน้าตาแบบเศร้าๆ กลุ้มใจ หน้าตายุ่งเหยิงไม่สบายใจ หรืออารมณ์แบบหน้าบึ้งหน้าบูดก็ได้
ดังนั้นที่ถามว่า Why the long face? มันจึงแปลว่า “ทำไมคุณดูเศร้าจัง”

แต่ประโยคนี้ Why the long face? เนี่ย จะสังเกตว่าจริงๆแล้วมันผิดไวยากรณ์นะคะเพราะมันไม่มี verb แต่เขาก็พูดกัน เป็นภาษาพูดแบบสั้นๆง่ายๆ คงย่อมาจากประโยคที่ว่า
Why do you have a long face? นั่นแหละค่ะ

มาดูตัวอย่างกันดีกว่า

He has a long face because he was fired last week.
เขาดูเศร้าๆเพราะถูกไล่ออกจากงานเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

A: Why does she has a long face?
ทำไมเจ้าหล่อนดูหน้าบูดงั้นอ่ะ
B: The boss has just got on her case about her work.
เธอเพิ่งจะโดนเจ้านายเล่นงานมาน่ะสิ

*** แต่ถ้าเห็นใครหน้าตาแจ่มใส มีความสุขละก็ คงไม่ต้องไปถามเขานะคะว่า Why the short face? เพราะเห็นว่ามันตรงข้ามกับ long face อันนี้ไม่มีนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.pasaangkit.com/somewhat/ และ

http://www.pasaangkit.com/why-the-long-face/

 

วันนี้รายการของเราก็หมดเวลาลงแล้ว กลับมาพบกับรายการ English around you ได้ใหม่ในวันพุธหน้า ช่วงเวลา ตีสี่ ถึง    ตีสี่ครึ่ง

ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ออกอากาศด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์   คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิต

ดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย

ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน และทีมงานต้องขอลาไปก่อน

ขอขอบคุณสำหรับการติดตามรับฟังรายการในค่ำคืนนี้