ENGLISH AROUND YOU 17 กรกฎาคม 2562

สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับผู้ฟังเข้าสู่รายการ English around You
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ
วันนี้พบกับดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย
ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน ทำหน้าที่ดำเนินรายการในวันนี้
รายการของเราออกอากาศในทุกวันพุธ
และเราจะอยู่ประจำในเวลา ตีสี่ ถึง ตีสี่ครึ่ง เป็นประจำทุกสัปดาห์
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 17 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562
วันนี้เรามีเรื่องราวที่จะนำเสนอคุณผู้ฟังเกี่ยวกับ

การใช้ home…ต้องไม่มี to
go home
ถ้าจะบอกว่ากลับบ้าน ปกติเราจะใช้ว่า go home ใช่มั๊ยคะ
บางคนก็ใช้ตามที่คนอื่นใช้กัน แต่บางคน ก็มีโปรเสริม เติม to เข้าไปด้วย คือ go to home
เพราะเห็นว่าเวลาไปที่อื่น ยังใช้ go to…. เลย
แต่!! สำหรับ home นี่ขีดเส้นใต้สองเส้นเลยค่ะว่า “มี home ต้องไม่มี to”
เหตุผลคือ home ในคำว่า go home เป็น adv. ค่ะ แปลว่า มุ่งไปที่บ้าน ไม่ใช่คำนาม อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ลองเทียบสองประโยคนี้นะคะ
He goes home.
He walks slowly.
สองประโยคนี้มีโครงสร้างเหมือนกันคือ
S + V + Adv.
ดังนั้น go home จึงไม่ต้องใส่ to
home ที่ใช้กับคำอื่นก็เช่นเดียวกันค่ะ เช่น
I usually walk home.
ปกติฉันจะเดินกลับบ้าน
He usually drives home.
ปกติเขาจะขับรถกลับบ้าน
I’ll drive you home.
ฉันจะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
He walk me home every day.
เขาเดินไปส่งฉันที่บ้านทุกวัน
** Go hard or go home
ประโยคนี้แปลว่า
“สู้ให้เต็มร้อย ไม่งั้นก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปซะ!”

เรื่องต่อมาที่น่าสนใจนะคะ จะเป็นเรื่องการใช้ need
need เป็นคำกริยาที่ดูเหมือนจะใช้ไม่ยากนะคะ แต่เจ้ากริยา need เนี่ย ความพิเศษของมันก็คือ มันเป็นได้ทั้งกริยาหลัก (main verb) และ กริยาช่วย (modal verb) มาดูรูปแบบการใช้ need กันค่ะ
1. ใช้ need อย่างกริยาหลัก ในประโยค
* need + คำนาม = ต้องการอย่างมากหรือจำเป็น เช่น
I need a toilet!! I can’t hold it anymore.
ชั้นอยากเข้าห้องน้ำ อั้นจะไม่ไหวแล้ว
* need + to + V1 (need to do something)
แปลว่า ต้องการหรือจำเป็นต้องทำอะไร เช่น
You need to attend the meeting.
คุณต้องเข้าประชุม
** ข้อควรระวัง ถ้าใช้ need อย่าง main verb เวลาทำเป็นรูปปฏิเสธหรือคำถาม ต้องใช้ verb to do เข้ามาช่วย เช่น
You don’t need to go there.
คุณไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น
2. ใช้ need อย่าง กริยาช่วยหรือ modal verb
* need + V1
ถ้าใช้แบบนี้ไม่ต้องใส่ to ค่ะ เช่น
You need sleep.
คุณจำเป็นต้องนอน
* ถ้าใช้อย่างกริยาช่วยไม่จำเป็นต้องเอา verb to do เข้ามาช่วยค่ะ เติม not หลัง need ได้เลย และเวลาตั้งคำถามก็สามารถใช้ need ขึ้นต้นประโยคได้เลยค่ะ เช่น
She need not buy a car.
หล่อนไม่จำเป็นต้องซื้อรถ
Need you stay up tonight?
คืนนี้คุณต้องอยู่ดึกมั๊ย?
3. การใช้ need อีกแบบคือ ใช้ในโครงสร้าง
need + V.ing (need doing something)
แปลว่า จำเป็นต้องได้รับการทำอะไร เป็นโครงสร้างถูกกระทำค่ะ กรณีที่ประธานของประโยคไม่ได้ทำเอง เช่น
Your room needs cleaning.
ห้องเธอน่ะต้องทำความสะอาดมั่งนะ
Does the engine need checking?
เครื่องยนต์จำเป็นต้องได้รับการตรวจสภาพมั๊ย?
*** จะใช้ need แต่ละทีก็เลือกใช้ให้ถูกนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.pasaangkit.com/go-home/ และ
http://www.pasaangkit.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-need/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 mhz สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

มาติดตามรับฟังกันต่อในเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ then
คำว่า then
หลายคนพอเจอคำว่า then ก็ไม่รู้จะแปลยังไงดีให้มันได้อรรถรส
บางคนก็ช่างมัน ฉันไม่แปล เพราะยังพอจะเดาๆความหมายประโยคได้ แต่มันไม่ได้ฟีลลิ่งของบทสนทนาหรือข้อความนั้นๆสิคะคุณ มาดูกันค่ะว่า then แปลว่าอะไรได้บ้าง
** then แปลว่า “แล้ว, งั้น” เช่น
The show has cancelled. Then, what should we do?
การแสดงก็ถูกยกเลิกไปละ งั้นเอาไงดี
A: I don’t to go out today.
วันนี้ไม่อยากไปข้างนอกอ่ะ
B: What do you want to do then?
งั้นจะทำอะไรล่ะ
———————
** then แปลว่า ในตอนนั้น หรือ เวลานั้น เช่น
See you then.
ไว้เจอกัน (ตอนนั้น)
( มักใช้เป็นคำบอกลา ซึ่งอาจจะมีการนัดหมายว่าจะเจอกันอีกตอนไหน เวลาไหน)
If you get his address, call me then.
ถ้าได้ที่อยู่เขามาแล้ว ก็บอกฉันด้วย(ตอนที่ได้ที่อยู่มาแล้ว)
————————
** then ใช้บอกลำดับเหตุการณ์ก็ได้ เช่น
Yesterday I went to the bank. Then, I picked up my friend at the train station.
เมื่อวานฉันไปธนาคาร ต่อจากนั้นก็ไปรับเพื่อนที่สถานีรถไฟ
***
If you can’t be positive, then at least be quiet.
ถ้าคิดบวกไม่ได้ งั้นอย่างน้อยๆก็สงบปากไว้ซะ

เรื่องต่อไปที่น่าสนใจนะคะ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้กริยาวลีหรือ phrasal verb
# Phrasal verb น่ารู้ : call off
“call off” หมายถึง “ยุติ, หยุด, ล้มเลิก,ยกเลิก” เช่น
The game had to be called off due to the rain.
การแข่งต้องถูกยกเลิกไปเพราะฝนตก
We don’t want to call off our trip to Turkey.
พวกเราไม่อยากจะล้มเลิกการเดินทางไปตุรกี
You must call off your party tonight.
คุณต้องยกเลิกงานปาร์ตี้คืนนี้
You had better call off your plan.
คุณน่าจะล้มเลิกแผนของคุณ

# phrasal verb น่ารู้ : put off
put off หมายถึง เลื่อนออกไป, ผัดผ่อน, เลื่อน (วันหรือเวลา) เช่น
The party has been put off until next Sunday.
งานปาร์ตี้ถูกเลื่อนไปเป็นวันอาทิตย์หน้า
You should not put off going to the dentist’s.
คุณไม่ควรจะเลื่อนวันไปหาหมอฟันนะ
Never put off till tomorrow what you can do today.
อย่าผัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่คุณทำวันนี้ได้

# Phrasal Verb น่ารู้ : bring about
คำว่า “bring about” จะแปลว่า “ก่อให้เกิด, นำมาซึ่ง, เป็นสาเหตุของ” ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ
A nuclear war will bring about the destruction of mankind.
สงครามนิวเคลียร์เป็นสาเหตุของการทำลายมนุษยชาติ
Democracy has brought about the great change in the people’s living.
ประชาธิปไตยนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการดำเนินชีวิตของผู้คน
Pollution brings about a disastrous effect on the ecology.
มลภาวะก่อให้เกิดผลร้ายแรงต่อระบบนิเวศน์
** จะสังเกตว่าหลังคำว่า bring about จะเป็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เป็นประธานของประโยคนะคะ

# Phrasal Verb น่ารู้ : look down on
ศัพท์คำนี้จะแปลว่า “ดูถูก, ดูหมิ่น” ซึ่งจะสังเกตว่าความหมายของ phrasal verb (กริยาวลี) นี้จะแตกต่างจากความหมายของกริยา look อย่างสิ้นเชิง ทำให้เดาความหมายได้ยาก ลองมาดูตัวอย่างการใช้ phrasal verb ตัวนี้กันนะคะ
You should not look down on the poor.
คุณไม่ควรดูถูกพวกคนจน
If you don’t do your duty, people will look down on you.
ถ้าคุณไม่ทำตามหน้าที่ คนเขาก็จะหยามคุณเอาได้
** ข้อควรระวัง!! ถ้าคำว่า look down ไม่มีบุพบท on ต่อท้ายอาจจะหมายถึง กลุ้มใจหรือเศร้าใจก็ได้ หรือ แปลว่า มองลงไปข้างล่างก็ได้ด้วยนะคะ ลองดูประโยคด้านล่างต่อไปนี้นะคะ จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
I looked down and saw a man who looked down. When I asked what was wrong, he told me not to look down on him.
ผมมองข้างล่างและก็เจอผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะกลุ้มใจ เมื่อผมถามเขาว่าเขามีปัญหาอะไรเขาก็บอกว่า “ อย่าดูถูกผม”

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.pasaangkit.com/then/
http://www.pasaangkit.com/call-off/
http://www.pasaangkit.com/put-off/
http://www.pasaangkit.com/bring-about/ และ
http://www.pasaangkit.com/look-down-on/

วันนี้รายการของเราก็หมดเวลาลงแล้ว กลับมาพบกับรายการ English around you ได้ใหม่ในวันพุธหน้า ช่วงเวลา ตีสี่ ถึง ตีสี่ครึ่ง
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ออกอากาศด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิต
ดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย
ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน และทีมงานต้องขอลาไปก่อน
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามรับฟังรายการในค่ำคืนนี้