หน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เตือนประชาชนสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก


จากสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือของไทย ที่มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI 500 ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงมากถึง 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในบางพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ เช่น อ.ไชยปราการ อ.เชียงดาว ในช่วงวันที่ 22 – 24 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อวิสัยทัศน์ในการมองเห็น และสุขภาพของประชาชนในภาคเหนืออย่างต่อเนื่องนั้น

หน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ในงานวิศวกรรม วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มทร.ล้านนา หรือ RUEE RMUTL ได้ออกมาเตือนประชาชนให้สวมใส่หน้ากาก ที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เมื่อออกไปในที่โล่งแจ้ง รวมถึงเมื่ออยู่ในอาคาร เนื่องจากค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นและสามารถเข้าสู่อาคารบ้านเรือนได้แม้จะปิดหน้าต่างแล้วก็ตาม

รศ.ดร.พานิช อินต๊ะ อาจารย์ประจำหน่วยวิจัยฯ และนักวิจัยรางวัลพระราชทานนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ประจำปี พ.ศ. 2559 เปิดเผยว่า “ ฝุ่น PM2.5 มีความอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจสูงมาก จากการทดสอบในห้องแล็บมาอย่างต่อเนื่อง พบว่าหากคนปกติหายใจใน 1 นาที ในขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเท่ากับการหายใจเอาฝุ่นเข้าปอดถึง 80 ล้านเม็ดต่อนาที และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ ในฝุ่น PM 2.5 นั้นมีอนุภาคของฝุ่น PM 1.0 ประกอบอยู่ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และใน PM 1.0 มีฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 0.5 ไมครอนอยู่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลขนี้ นักวิจัยหรือผู้ที่ออกแบบเครื่องวัดและอุปกรณ์ควบคุมฝุ่น จะให้ความสำคัญกับอนุภาคขนาดเล็กระดับนี้มาก เนื่องจากเครื่องมือและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ยังไม่สามารถวัดและควบคุมการแพร่กระจายของอนุภาคเล็กและไร้มวลระดับนี้ได้ดีเท่าที่ควร และฝุ่นอนุภาคเล็กยิ่งมีความสามารถในการผ่านทะลุเข้าไปในส่วนลึกของปอดได้ดีกว่าอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า”

ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ – เมษายน ของทุกปี ถือเป็นช่วงหมอกควันของภาคเหนือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือและนักท่องเที่ยว ควรสวมหน้ากาก N95 เพื่อป้องกันสุขภาพของตนเอง โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลค่าฝุ่นละอองต่างๆ ได้ที่เพจเฟสบุ๊ค RUEE RMUTL และติดตามค่าฝุ่นละอองแบบเรียลไทม์ได้ที่ ruee-aqm.com