พืชกระท่อม กินอย่างไรให้ปลอดภัย

RMUT TALK l พืชกระท่อม กินอย่างไรให้ปลอดภัย
.
สัมภาษณ์ ดร.พทป.วัชระ ดำจุติ
ตำแหน่ง อาจารย์คณะการแพทย์บูรณาการ มทร.ธัญบุรี
.
อนาคต ‘กระท่อม’ จากพืชเสพติด สู่พืชเศรษฐกิจได้จริงหรือ?
หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2564 ปลดล็อก ‘พืชกระท่อม’ ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ส่งผลให้ในตอนนี้ เรียกได้ว่าประชาชนคนไทยสามารถปลูก-ครอบครอง-ซื้อ-ขาย-บริโภค พืชกระท่อมได้อย่างเสรี ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เสรีไปเสียทั้งหมด เพราะยังมีสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่บางประการ คือ
.
-การนำไปทำเป็นโปรดักต์สมุนไพร ต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562
-การขายในลักษณะของการแปรรูปเป็นน้ำต้ม, ใบกระท่อมซุปแป้งทอด หรือเป็นอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ นั้นยังทำไม่ได้ เนื่องจากผิด พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522
-รวมถึงการนำพืชกระท่อมไปต้มเป็นน้ำ แล้วผสมกับสารเสพติดชนิดอื่นที่เรียกว่า 4×100 (สี่คูณร้อย) ที่ยังเป็นข้อห้ามและผิดกฎหมายอยู่
.
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาจากนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนสามารถใช้พืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้านได้อย่างถูกกฎหมาย หลังจากถูกควบคุม ห้ามปลูก ห้ามเสพ ห้ามขาย มาตั้งแต่ ปี 2486 เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นต้องการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและภาษีของรัฐจาก ‘ฝิ่น’ จึงพยายามให้คนหันมาสูบฝิ่นแทนกระท่อมก่อนที่ต่อมา พืชกระท่อมจะถูกควบคุมอย่างต่อเนื่องให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ร่วมกับพืชเสพติดอื่นๆ อีก คือ กัญชา ฝิ่น และเห็ดขี้ควาย อย่างไรก็ตาม ที่มากไปกว่าการปลดล็อก และให้ใช้ชาวบ้านกลับมาใช้ได้อีกครั้ง อีกจุดประสงค์หนึ่งของรัฐบาลก็คือการผลักดันกระท่อมให้เป็น ‘พืชเศรษฐกิจ’ ตัวใหม่ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย และเสริมเศรษฐกิจของประเทศ แต่คำถามคือ มีโอกาสแค่ไหนที่พืชเสพติดชนิดนี้ จะกลายไปเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ได้จริงหรือ?
.
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า ประเทศไทยเริ่มมีการควบคุมพืชกระท่อมเป็นครั้งแรกในปี 2486 หรือเมื่อ 78 ปีก่อน แต่อันที่จริงแล้ว ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้พืชกระท่อมเป็นยามาหลายร้อยปี โดยในสมัยโบราณ กระท่อมถูกนำมาใช้ในตำรับยาประเภทยาแก้ท้องเสีย ท้องเฟ้อ ท้องร่วง ปวดเมื่อย ทำให้นอนหลับ และระงับประสาท ขณะที่ในประเทศไทย พื้นที่ปลูกและใช้พืชกระท่อมส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคใต้ และภาคกลางบางจังหวัด คือ นนทบุรี และปทุมธานี โดยชาวบ้านมักนำใบสดมาเคี้ยว เพื่อช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว (ไม่อยากอาหาร) กดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้นานและทนแดดได้มากขึ้น

ทางวิทยุราชมงคลธัญบุรี FM 89.5MHZ