English Around You l พูดอีกทีได้หรือเปล่า

English Around You l พูดอีกทีได้หรือเปล่า
– Actually แปลว่าอะไร
– สำนวน “เร็ว ๆ หน่อย”, ไว ๆ
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 7 มิถุนายน 2566
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
—————————————————————–
พูดอีกทีได้หรือเปล่า
Pardon?
I beg your pardon?
สองคำนี้เป็นคำที่เป็นทางการมากค่ะ แปลว่า พูดอีกทีได้ไหมคะ แต่เราสามารถพูดได้ในชีวิตประจำวัน

Sorry, I didn’t catch that.
ประโยคนี้ใช้พูดเมื่อเราได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจน แปลว่า ขอโทษนะคะ ฉันฟังไม่ทันค่ะ ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมคะ

Do you mind repeating that?
ประโยคนี้มีความหมายว่า คุณจะรังเกียจไหมถ้าพูดซ้ำอีกรอบ คือการขอให้พูดซ้ำอีกรอบค่ะ

I didn’t catch that last part.
ประโยคนี้แปลตรงตัวว่า ฉันฟังที่คุณพูดไม่ทันเลย คือการบอกให้คู่สนทนาช่วยพูดซ้ำอีกรอบค่ะ

Can you repeat that for me please?
ประโยคนี้แปลว่า คุณพูดกับฉันอีกรอบได้ไหมคะ?

I am lost, please repeat.
คำว่า I’m lost แปลว่า ฉันหลงทาง แต่ในบริบทนี้แปลว่า ฉันงง หรือฉันตามคุณไม่ทันแล้ว เวลาที่คู่สนทนาอธิบายบางอย่างแล้วเรางง เราก็สามารถพูดประโยคนี้เพื่อให้คู่สนทนาพูดซ้ำอีกรอบได้ค่ะ

Could you/ Can you please repeat that?
ประโยคนี้เป็นประโยคง่าย ๆ ที่ส่วนใหญ่ใช้กันเลยค่ะ แปลว่า คุณช่วยพูดอีกทีได้ไหมคะ

Actually แปลว่าอะไร คำว่า Actually เป็น Adverb ที่หลายคนรู้ความหมายอยู่แล้วว่าหมายถึง อย่างที่เกิดขึ้นจริง ๆ/โดยแท้จริง มาดู 5 วิธีใช้คำว่า Actually ในสถานการณ์ต่าง ๆ

1. Actually มีความหมายเหมือนกับคำว่า Really
คำนี้มีความหมายเหมือนกับคำว่า Really ว่า โดยแท้จริง เราสามารถใช้ทั้งสองคำนี้แทนกันได้ค่ะ ดังตัวอย่างนี้

Ex. What actually happened last night? = What really happened last night?
(จริง ๆ แล้วเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?)

2. Actually ใช้เน้นย้ำพูดปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนใหญ่จะใช้ในประโยคที่คู่สนทนาถามคำถาม แล้วเราตอบกลับไป ซึ่งสิ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้ เช่น

Ex. A: Are you from Bangkok?
(คุณมาจากกรุงเทพหรือเปล่า?)
B: Actually, no. I’m from Chonburi.
(จริง ๆ แล้วฉันมาจากชลบุรีนะ)
**เป็นการพูดย้ำปฏิเสธว่า ฉันไม่ได้มาจากกรุงเทพ แต่มาจากชลบุรีนะ

Ex. A: Do you think, My boyfriend looks like Nadech?
(เธอคิดว่าแฟนฉันหน้าเหมือนณเดชน์เปล่า
B: Actually, no. he’s not.
(ไม่นะ ไม่เหมือน ไม่เลย)

3. Actually ใช้พูดกับสิ่งที่น่าประหลาดใจหรือพูดเพื่อให้เห็นคำแตกต่าง
ใช้พูดในประโยคสิ่งที่ขัดแย้งกัน เช่น

Ex. I didn’t like him at first, but in the end I was actually in love with him.
(ตอนแรกฉันไม่ชอบเขาเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็รักกับเขาอะ)

Ex. I love dessert, but I actually don’t like chocolate
(ฉันชอบกินของหวานนะ แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่ชอบกินช็อกโกแลต)
**เป็นประโยคแสดงความขัดแย้งว่า ฉันก็กินทุกอย่างที่เป็นของหวานนะแต่ยกเว้นช็อกโกแลต

4. Actually ใช้ในการยอมรับหรือสารภาพ
ใช้ในการสารภาพหรือยอมรับการกระทำบางสิ่งบางอย่างที่เราทำไป เช่น

Ex. A: Did you go to the cinema with Bambam yesterday?
(เมื่อวานนี้แกไปดูหนังกับแบมแบมมาหรือเปล่าอะ)
B: Umm, Actually, yes, I did.
(เอิ่มมม ใช่ ฉันไปกับเขามา)
**อารมณ์ประมาณว่าไม่อยากบอกแต่ก็ต้องยอมรับว่าไปมาค่ะ

5. Actually ใช้ในการบอกข้อมูลเพิ่มเติม
คำนี้ใช้ในการบอกข้อมูลเพิ่มเติมที่เราอยากบอก เช่น

Ex. I’m a teacher and so are both mother, actually.
(ฉันเป็นครูและฉันก็เป็นแม่ด้วยนะ)

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

สำนวน “เร็ว ๆ หน่อย”, ไว ๆ

There's no time to lose. : ไม่มีเวลาให้เสียแล้วนะ!
come on! : มาเร็ว มาสิ!
ex. come on! guys, we have no time to lose if we want to buy this shirt.
     (มาเร็วเข้าพวก! พวกเราไม่มีเวลาให้เสียแล้วนะ ถ้าอยากซื้อเสื้อตัวนี้)

Let's pick up the place. : เร่งเครื่อง เพิ่มความเร็วหน่อยค่ะ
ex. You are walking rather slowly. Can you pick up the place?
     (คุณเดินช้ามาก ช่วยเร่ง/เพิ่มความเร็วหน่อยได้ไหมคะ)

Let's go faster. : ไปให้เร็วขึ้น ไปค่ะ!
ex.  Let's go faster, it's about to rain.
      (ไปให้เร็วขึ้นหน่อย ! ฝนใกล้จะตกแล้วจ้า)

let's speed up. : เพิ่มความเร็วหน่อยค่ะ!
ex. Let's speed up, everyone's waiting for you!
     (เพิ่มความเร็วหน่อยค่ะ! ทุก ๆ คนกำลังรอ)

shake a leg : รีบหน่อย เร่งหน่อย! (ไม่ได้แปลว่า เขย่าขาหน่อยนะคะ)

ex. Shake a leg! Peter! or we will miss the bus
     (เร็วเข้า เร่งหน่อย ปีเตอร์! ไม่งั้นพวกเราได้ตกรถเมล์แน่ ๆ (รถเมล์กำลังจะออกแล้ว))

get a move on! : เร่งหน่อย รีบหน่อย
ex. Get a move on! if you want to get there before dark
     (รีบหน่อย! ถ้าคุณอยากไปถึงที่นั่นก่อนค่ำ)

get cracking! : เพิ่มความเร็วหน่อย เร็ว ๆ เข้า !
ex.  Get cracking! we are going to be late again.
      (เร็ว ๆ เข้า พวกเรากำลังจะสายอีกแล้วนะ)

chop-chop! : เร็ว ๆ หน่อย  
ex. Chop-chop! Don't be late for school again.
     (เร็ว ๆ หน่อย อย่าไปโรงเรียนสายอีกนะ!)
กริยาวลี (Phrasal Verb) คือคำสองคำที่ประกอบกัน โดยมักจะเป็นคำกริยา (V.) และตามด้วยคำบุพบท
(Preposition) ซึ่งจะทำให้ได้ความหมายใหม่ไปเลย จากคำสองคำที่ประกอบกัน
โดยครั้งนี้ได้นำกลุ่มคำกริยาวลีที่มีคำว่า Run เป็นส่วนประก

Run along : การบอกให้ใครบางคนออกไปก่อน อย่าพึ่งมายุ่งเวลานี้
Ex. Run along now children, I’m very busy!
(ออกไปก่อนนะเด็ก ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งมากเลย)

Run down : ตัวเลขหรือขนาดที่ลดลง
Ex. Our total sale figure has run down over past quarter. We need to do something to fix
this.
(ยอดขายของพวกเราตกลงจากไตรมาสที่แล้ว เราต้องทำอะไรบางอย่างที่แก้ไขมันละ)

Run on : การกระทำต่อเนื่องไปโดยไม่มีการขัดจังหวะ
Ex. This meeting ran on for over an hour now.
(การประชุมนี้ต่อเนื่องยาวนานมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว)

Run after : วิ่งไล่
Ex. Why dog always has to run after cat?
(ทำไมหมาต้องวิ่งไล่แมวตลอดเลย?)

Run away : วิ่งหนีจากบางสิ่งบางอย่าง
Ex. I ran away from the mad guy. It’s so scary!
(ฉันวิ่งหนีคนบ้ามา มันน่ากลัวมากเลย)

Run into : พบเจอกับประสบการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน
Ex. We’ve run into the difficulty with our project.
(พวกเรากำลังเจอของยากในโปรเจคนี้อยู่)

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก https://www.trueplookpanya.com