English Around You l “ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี

English Around You l “ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี
– ใครจะรู้ พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไรดี
– time after time แปลว่าอะไรนะ

.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 30 สิงหาคม 2566
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
————————————————————————–
“ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี
“ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” ฝรั่งใช้เป็นสำนวนว่า music to my ears คือประมาณว่า
ที่พูดมาฟังแล้วเพราะรื่นหูอย่างกับฟังเพลงเลย
เวลาเราจะเอาไปใช้บ้างก็ประมาณนี้ค่ะ
It’s the music to my ears. I love it.
ที่พูดมาฟังแล้วรื่นหูมาก พี่ปลื้ม (ถ้าบอสพูดแบบนี้เราคงฉีกยิ้มได้ถึงหูนะคะ)
I hope the report is music to your ears.
หวังว่ารายงานนี้พอจะทำให้คุณอารมณ์ดี รื่นหูนะคะ
When we talked about cost savings in our presentation, it was music to Eric’s ears.
ตอนที่เรานำเสนอตรงการประหยัดต้นทุน ดู Eric จะมีความสุขมากนะ (แอบเห็น)
Tip: สิ่งที่จะเป็น music to one’s ears ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่พูดเสมอไปนะคะ อาจจะเป็นสิ่งของ สิ่งพิมพ์

ก็ได้ เช่น รายงาน เรื่องดีๆ ข่าวดีๆ ประมาณนั้น ที่ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเค้า “รื่นหู” ค่ะ

เรื่องที่น่าสนใจต่อมานะคะ
"ใครจะรู้" พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไรดี
ในชีวิตประจำวันเราใช้กันบ่อยเลยใช่มั้ยล่ะคะ สำหรับคำ ๆ นี้ "ใครจะรู้" เช่น

ใครจะรู้.. พรุ่งนี้ฉันอาจเจอเนื้อคู่ก็ได้นะ
ใครจะรู้.. เธออาจจะชอบอาหารที่ฉันทำก็ได้นะ
ใครจะรู้.. เค้าอาจเป็นนักร้องดังในไม่ช้านี้ก็ได้นะ

ประมาณนี้.. ว่าแต่.. "ใครจะรู้" ..​ตรงนี้แหละถ้าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษจะใช้ว่าอะไรดีนะ..

ฝรั่งใช้ว่า Who knows? ค่ะ พูดสั้นๆ ดื้อๆ แบบนี้เลย
เช่น
Who knows? I might meet my soul mate tomorrow.
ใครจะรู้.. พรุ่งนี้ฉันอาจเจอเนื้อคู่ก็ได้นะ
Who knows? You might love my cooking.
ใครจะรู้.. เธออาจจะชอบอาหารที่ฉันทำก็ได้นะ
Who knows? She might be a top singer soon.
ใครจะรู้.. เค้าอาจเป็นนักร้องดังในไม่ช้านี้ก็ได้นะ
ง่ายมั้ยคะ เห็นแบบนี้แล้วพอจะใช้บ้างก็ง่ายที่สุด..​ ใช้ว่า Who knows? แล้วก็ต่อด้วยประโยคที่เราจะบอกว่า
"อาจจะเป็นไปได้" แค่นั้นเอง
สังเกตคำว่า knows ใน Who knows? เติม 's' เสมอนะคะ และบางทีก็อาจเห็นฝรั่งไม่ใส่ ?
ตอนจบบ้างเหมือนกัน.. แต่ถ้าจะให้เป๊ะ เราเติม ? เสมอดีกว่านะคะ

Tip: แถมให้อีกนิด.. เนื่องจากสิ่งที่เราพูดต่อจาก Who knows? มักจะเป็นเรื่องที่ไม่แน่..
อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ก็ได้.. ซึ่งในภาษาอังกฤษ เวลาพูดถึงสิ่งที่ไม่ชัวร์แบบนี้สามารถเติม might
เข้าไปเพื่อเพิ่มอารมณ์ว่า "อาจจะ" ในประโยคได้นะคะ ซึ่ง might นี้นะคะ สามารถใช้ได้กับประธานทุกตัวเลย
แล้วก็ตามด้วย verb.1 (ที่ไม่เติม s, es และไม่ผันอะไรทั้งสิ้น)
ตามประโยคตัวอย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้แล้วนะคะ ก็คือ
I might + meet…
You might + love..
She might + be..
ก็ใช้ง่าย ๆ กันอย่างนี้เลยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/
เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี

แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 MHz

สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

"time after time" แปลว่าอะไรนะ
อีกหนึ่งสำนวนที่ฝรั่งชอบพูดกัน นั่นก็คือ time after time ค่ะ ดูแล้วก็อาจจะงง ๆ ว่าจะแปลอย่างไรดีนะ..
time after time.. สำหรับ time after time แปลว่า "บ่อย ๆ" "ประจำ" "ซ้ำๆ"
time after time ก็เหมือนเราทำอะไรซักอย่างแล้วก็ต่อไปเรื่อยๆ ซ้ำๆ หลังจากที่ทำแล้วก็ทำอีกในเวลาต่อมา
เวลาใช้ ก็ใช้ไม่ยากนะคะ ใช้เหมือน adverb เลย คือ นำไปวางที่ไหนก็ได้ในประโยค ตัวอย่างค่ะ

Jerry practiced singing time after time before the contest.
Jerry ฝึกร้องเพลงแบบฝึกแล้วฝึกอีกก่อนลงแข่ง

They make the same mistake time after time.
พวกเค้าทำผิดเรื่องเดิม ๆ ประจำเลย

He watches this movie time after time and never gets bored.
เขาดูหนังเรื่องนี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อเลย

I drop this phone time after time. Luckily it is still good.
ฉันทำมือถือเครื่องนี้ตกตลอด.. โชคดีนะมันยังดีอยู่

Please remind this to me time after time. I am forgetful.
ช่วยเตือนฉันเรื่องนี้บ่อยๆ หน่อยนะ ฉันขี้ลืม
Tip: from time to time กับ time after time ดูหน้าตาใกล้เคียงกันมากมาย
แต่ความหมายเค้าต่างกันไปเลยนะ .. เวลาใช้อย่าเผลอสลับกันนะคะ เดี๋ยวจะผิดความหมายได้ค่ะ..

เรื่องราวที่น่าสนใจในช่วงนี้นะคะ

from time to time แปลเป็นไทยๆ ว่าอะไรดี
from time to time ก็ถือว่าเป็นคำที่ฝรั่งใช้พูดกันอยู่บ่อยๆ ค่ะ มีความหมายว่า "เป็นบางที" "ไม่บ่อยนัก"
"ก็มีบ้าง" อะไรแบบนี้ค่ะ คล้ายๆ กับที่เราใช้คำคุ้นเคยของเราคือ sometimes นั่นเองค่ะ เช่น

I see her from time to time.
ฉันเจอเค้าอยู่บ้างนะ ไม่บ่อยนัก

That machine makes noise from time to time.
เครื่องนี้บางทีมันก็มีเสียงออกมา

From time to time, we both go hiking together.

เราสองคนไปปีนเขาด้วยกันแต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่นัก

Tip: from time to time ใช้เสมือนเป็น adverb ตัวหนึ่ง ฉะนั้น from time to time
จึงไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในประโยคที่เราต้องการจะเอาไปบอกเวลาว่า "ไม่บ่อยนัก" นะคะ

อีกเรื่องราวที่น่าสนใจในช่วงนี้นะคะ

"one O one" แปลว่าอะไรนะ
เมื่อพูดว่า one O one.. (วัน-โอ-วัน) อาจจะดูงงว่า.. อะไรคือ 1-O-1.. แต่ถ้าผันเขียนออกมาเป็นตัวเลข 101
อาจจะดูพอเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นมั้ยคะ 101 = one O one (ฝรั่งเค้าเรียกเลขศูนย์ว่า "โอว"
เหมือนเราออกเสียงตัว O เลยค่ะ) สำหรับ 101
ฝรั่งเค้าใช้สำหรับการจะพูดถึงอะไรที่เป็นการเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นครั้งแรก หรือพื้นฐานนั่นเองค่ะ
ถ้าจะเทียบก็คล้ายกับคำว่า beginner คือขั้นเริ่มต้น พื้นฐาน เพียงแต่ 101 ดูเก๋กว่า
แล้วก็ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ที่ไม่เกี่ยวกับหนังสืออะไรเลยก็ได้นะคะ เราสามารถนำมาใช้ได้เลยนะคะ ก็แค่เพิ่ม 101
ไปข้างหลังสิ่งที่เราเรียนรู้นั้น เช่น
Instagram 101 – สอนเล่น Instagram ครั้งแรก
Make up 101 – สอนแต่งหน้าเบื้องต้น
Game ABC 101 – สอนเล่นเกมส์ ABC ขั้น beginner
Surfing 101 – สอนเล่นกระดานโต้คลื่นขั้น beginner
Drawing 101 – สอนวาดรูปขั้นพื้นฐาน
มารับฟังตัวอย่างประโยคกันดูนะคะ
Thank you for Drawing 101. ขอบคุณที่สอนฉันวาดรูปนะ
Can you teach me Make up 101? ช่วยสอนฉันแต่งหน้าหน่อยสิ
This is Surfing 101. นี่เป็นการสอนเล่นกีฬาโต้คลื่นแบบพื้นฐานเลยนะ

Tip: มหาวิทยาลัยภาคภาษาอังกฤษจะเห็นว่าหลายวิชามีรหัสวิชา 101, 102 อะไรพวกนี้อยู่
ลองสังเกตกันดูนะคะ วิชาที่เป็น 101 คือวิชาเบื้องต้นทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/