ENGLISH AROUND YOU 7 สิงหาคม 2562

สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับผู้ฟังเข้าสู่รายการ English around You
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ
วันนี้พบกับดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย
ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน ทำหน้าที่ดำเนินรายการในวันนี้
รายการของเราออกอากาศในทุกวันพุธ
และเราจะอยู่ประจำในเวลา ตีสี่ ถึง ตีสี่ครึ่ง เป็นประจำทุกสัปดาห์
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช 2562
วันนี้เรามีเรื่องราวที่จะนำเสนอคุณผู้ฟังเกี่ยวกับ

การใช้สำนวน Call กับความหมายที่ไม่ใช่ “โทร”
call นอกจากแปลว่า โทร แล้วยังมีความหมายอื่นด้วยหรอนะคะ
เป็นศัพท์ง่ายแต่ความหมายไฮโซอีกคำ แถมได้มีโอกาสได้ยินบ่อยๆ ด้วยนะ อย่างเช่นในสถานการณ์นี้

You: Which restaurant should we go?
คุณฝรั่ง: It’s your call.
You: Should I study Japanese?
คุณฝรั่ง: It’s your call.

หากได้ยินประโยค It’s your call. จะแปลกันตรงๆ ก็ประมาณ “สายเข้า” ใช่มั้ยคะ แต่คำว่า call นี้มันมีความหมายลึกกว่านั้นด้วยนะคะ กับความหมายในเชิงว่า “การตัดสินใจ”

ฉะนั้น It’s your call. ของคุณฝรั่งเค้าก็ไม่ได้กวนนะจ๊ะ แต่ให้เราตัดสินใจเองเลย หรือภาษาไทยบ้านเราก็คือ “ตามใจ” นั่นเอง

ดังนั้นแล้วคุณผู้ฟังลองนำสำนวน It’s your call. ไปใช้พูดกันดูนะคะ
Hair-raising
คำ ๆ นี้ดูเหมือนเป็นคำง่ายๆ ที่เอาคำว่า hair (ผม) กับคำว่า raise (ขึ้น) มารวมกัน ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นประมาณ “หัวตั้ง” มั้ยคะ หรือน่าจะเหมือนที่เราพูดว่า “ขนหัวลุก” ในภาษาไทยค่ะ

ทีนี้ถ้าจะเอามาใช้บ้างก็ไม่ยากค่ะ ใช้เค้าเหมือนเป็น adjective คือให้เอาเค้าวางหน้านามหรือหลัง v.to be ได้เลยนะ

อย่างเช่น
It is a hair-raising car racing. => hair-raising + noun
The car racing is hair-raising. => v.to be + hair-raising
โอย.. มันช่างเป็นการแข่งรถที่น่าตื่นเต้นน่ากลัวขนหัวลุกเป็นที่สุด

Bungee jumping is hair-raising. => v.to be + hair-raising
การโดดบันจี้จัมพ์นี่มันตื่นเต้นมว๊ากกกกเลยนะ

คำว่า “ขนหัวลุก” ในภาษาไทยเหมือนจะให้อารมณ์น่ากลัว สำหรับ hair-raising นี่ฝรั่งก็ใช้กับอารมณ์กลัวด้วยเหมือนกัน แต่ก็แอบใช้กับอาการตื่นเต้น ตะลึง จนหัวตั้งก็ได้ค่ะ

การใช้สำนวน Let’s call it a day.
สำนวนนี้หมายความว่า “วันนี้เราพอกันก่อนเถอะ ไปพักผ่อนกันเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ซึ่งบางทีอาจใช้ต่อท้ายด้วยประโยคอื่นได้ค่ะ เช่น

Let’s call it a day. We all are tired.
Let’s call it a day and continue tomorrow.
Let’s call it a day and go out for dinner together.
Let’s call it a day. You should go home.

สำนวนนะคะถือว่าเป็นประโยคทองที่หลายๆ คนก็รอฟัง เพื่อจะได้ขอกลับบ้านพักผ่อนบ้างอะไรบ้างนั่นเอง

เรื่องต่อมาจะเป็นเรื่องคำศัพท์น่ารู้ คือ คำว่า Perk up
ก่อนจะบอกความหมาย ให้เดาศัพท์กันก่อนดีกว่า.. อ่านจากประโยคในรูปแล้วพอเดาออกมั้ยคะว่าคำว่า perk up แปลว่าอะไร
This living room is in ruby beauty. Looking for ways to perk up yours?
ห้องนั่งเล่นห้องนี้ตบแต่งสวยด้วยแนวสีทับทิม คุณกำลังมองหาวิธีที่จะ perk up ห้องคุณอยู่บ้างรึเปล่า?
ดูๆ แล้ว perk up ก็น่าจะให้ความหมายอารมณ์ว่าทำให้ up ขึ้น ทำให้ดูดีขึ้นรึเปล่าคะ.. หากเดาไปในแนวนั้นก็ถูกแล้วค่ะ
คำว่า perk up แปลว่า ทำให้สดชื่นสดใสขึ้น ทำให้ดูดี น่าสนใจขึ้น
ตัวอย่างการใช้ เช่น
I need coffee to perk me up every morning.
ฉันต้องดื่มกาแฟให้ฉันไม่ง่วงทุกเช้าเลย
I have some news to perk you guys up.
ฉันมีข่าวอะไรจะบอกให้พวกเธอได้ตื่นเต้นสดใสกันหละ
Monday is just hard. Perk me up!
วันจันทร์นี่มันโหดนะ ช่วยทำให้ฉันสดชื่นพร้อมทำงานหน่อยจิ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 mhz สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

การใช้สำนวน “What a..”
ถ้าคุณผู้ฟังได้ยินฝรั่งพูดประโยคดังตัวอย่างนี้
What a wonderful day.
What a funny movie.
What an expensive watch.

ขอให้รู้ไว้เลยว่าเค้าใช้ What a… ในการพูดอุทานทั้งในเรื่องที่เป็นปลื้มและไม่ปลื้มนะคะ คล้ายๆ กับภาษาไทยที่เดี๋ยวนี้เราใช้ว่า “เว่อๆ” หรือ “เยอะเกิ๊น” หรือ “มว๊าก” นั่นเองค่ะ ถ้าจะแปลจากข้างบนก็จะประมาณนี้เลย

What a wonderful day. – วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีเว่อ..
What a funny movie. – หนังเรื่องนี้ตลกมว๊าก..
What an expensive watch. – นาฬิกานี้แพงเกิ๊น..

พอนึกออกมั้ยคะ ทีนี้พอจะใช้บ้างอะไรบ้าง เราก็ใช้กันแบบนี้ค่ะ

What a/an + adjective + noun!

ลองเปรียบเทียบรูปแบบกับตัวอย่างข้างบนก็น่าจะพอเก็ตขึ้นนะคะ ส่วนการใช้ an ก็ตามหลักที่เราเรียนตั้งแต่ประถมเลยค่ะ an มากับคำที่ขึ้นต้นด้วยสระอย่าง expensive เป็นต้นค่ะ

ให้ตัวอย่างต่ออีกนิดนะคะ
What a heavy bag! – กระเป๋าหนักมาก
What a cute dog! – เจ้าหมาตัวนี้น่ารักมาก
What a messy room! – โอยห้องรกเกิน..
What a nice guy! – เค้าเป็นคนดีมาก

การใช้ I wonder if ใช้อย่างไร
ใครทำงานแล้วคงได้เห็นเยอะอยู่กับ “I wonder if”.. อย่างเช่น

I wonder if he is an engineer.
I wonder if you like it.

เจอ I wonder if แบบนี้ให้รู้ไว้เลยค่ะว่าเค้าถามคำถามนะคะ ถึงแม้ว่าประโยคจะไม่มีเครื่องหมาย ? ก็ตาม นั่นก็เพราะ I wonder if แปลว่า “ไม่แน่ใจว่า … รึเปล่า” ซึ่งเป็นคำถามในตัวค่ะ

หลายคนอาจนึกว่า เอ๊ะ.. แล้วถ้าอย่างนี้ s
Do you like it? จะเหมือนกับ I wonder if you like it. มั้ย หรือ
Is he an engineer? เหมือนกับ I wonder if he is an engineer. มั้ยนะ

คำตอบคือเหมือนกันเลยในแง่ของความหมายค่ะ แต่มีความต่างเล็ก ๆ ตรงการสื่ออารมณ์ของคำถาม
การมี I wonder if ทำให้การถามดูเบาลงนิดหนึ่ง เหมือนเราพูดภาษาไทยแบบนี้ค่ะ

พรุ่งนี้คุณว่างมั้ย => ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้คุณว่างมั้ย
ลดได้มั้ย => ไม่แน่ใจว่ายังลดได้มั้ย

เห็นไหมคะ แบบมี “ไม่แน่ใจว่า” ดูเบาขึ้นมา นั่นคือหน้าที่ของ I wonder if ในภาษาอังกฤษนั่นเอง

ทีนี้ถ้าจะเอามาใช้บ้างอะไรบ้าง ก็ง่ายมาก ๆ ค่ะ ใช้เป็น

I wonder if + ประโยคที่จะถาม

เช่น
I wonder if he is free.
ไม่แน่ใจว่าเค้าว่างมั้ยนะ

I wonder if your team likes the design.
ไม่แน่ใจว่าทีมงานคุณชอบดีไซน์มั้ยครับ

I wonder if you can give more discount.
ไม่แน่ใจว่าคุณจะพอลดได้อีกมั้ย

Tip: นิดเดียวคือประโยคที่จะถามนั้น เราเขียนเป็นประโยคบอกเล่าปกติเลยนะคะ subject + verb + object ไม่ต้องผันเป็นคำถามใดๆ ทั้งสิ้น และก็ไม่ต้องมี ? ตอนจบด้วยนะ เพราะ I wonder if ทำหน้าที่ถามให้แล้วเรียบร้อยในรูปประโยคบอกเล่าจ๊ะ.. การใช้แบบนี้หลักภาษาอังกฤษเรียกว่า Indirect Question ค่ะ คือการถามอ้อมๆ นั่นเอง

การใช้คำศัพท์คำว่า gear up for
คำว่า gear เราคุ้นกันในภาษาไทยว่า “เกียร์” ที่เราใช้เร่งเครื่องตอนขับรถนะคะ

รู้ไหมคะคำนี้ยังมีการใช้อีกแบบที่เก๋ทีเดียวค่ะ คือใช้เป็น verb อย่างที่เห็นในข่าวนี้เลย แล้วก็ใช้คู่กับ “up for” เป็น gear up for ซึ่งให้ความหมายประมาณว่า “เตรียมพร้อมสำหรับอะไรซักอย่าง” ที่เฝ้ารอ ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งให้อารมณ์ “ตื่นเต้น” ด้วยนะคะ

เวลาใช้ก็ง่ายเป็นที่สุด คือใช้เหมือน verb ทั่วๆ ไปเติม s ได้ เติม ed, ing ได้หมดค่ะ เช่น
Let’s gear up for the party next week.
เรามาเตรียมพร้อมสำหรับงานปาร์ตี้อาทิตย์หน้ากัน

We have geared up for the trip.
พวกเราเตรียมพร้อมการท่องเที่ยวสุด ๆ ละ

She practices a lot to gear up for the contest.
เค้าฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกวด

อาจมีคำถามว่าใช้ prepare ได้ไหม ด้วยความหมายได้นะคะว่า “เตรียม” แต่อารมณ์มันไม่ได้นิดนึง.. prepare จะดูเรียบไปหน่อย gear up for ให้อารมณ์ “พร้อมแล้ว” และ “ตื่นเต้น” ขึ้นมาอีกเยอะเลย

Tip: gear up for ใช้ได้ทั้งพูด ทั้งเขียนนะคะ ใช้พูดกับเพื่อนก็ดูสนุกตื่นเต้นดี ใช้ใน email คุยเรื่องงานก็ยังได้ทำให้เราดูเตรียมพร้อมดีค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/

วันนี้รายการของเราก็หมดเวลาลงแล้ว กลับมาพบกับรายการ English around you ได้ใหม่ในวันพุธหน้า ช่วงเวลา ตีสี่ ถึง ตีสี่ครึ่ง
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ออกอากาศด้วยระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 89.5 เมกกะเฮิรตซ์
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิต
ดิฉันชนกนาถ จีนศรี พร้อมด้วย
ดิฉันพุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน และทีมงานต้องขอลาไปก่อน
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามรับฟังรายการในค่ำคืนนี้