English Around You l ความดีพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

English Around You l ความดีพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
– คือการบอก “ธาตุแท้” เป็นภาษาอังกฤษ เค้าเรียกว่าอะไรนะ
– made of กับ made from ใช้ต่างกันอย่างไร
– DM แปลว่าอะไร และใช้อย่างไรนะ
– “ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 19 เมษายน 2566
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
———————————————————————————
"ความดี" พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
ในภาษาอังกฤษ ทั้งคำว่า good deed และ goodness ล้วนแล้วแต่แปลว่า "ความดี" นะคะ
แต่ถ้าต้องการจะพูดว่า "ทำความดี" ก็แค่เติม do เข้าไปก็ใช้ได้เลย เช่น Let's do some good deeds
together today. วันนี้เราไปทำอะไรดี ๆ กันเถอะ หรืออีกตัวอย่าง เช่น I feel good every time I do a
good deed.
พอได้ทำอะไรดี ๆ ฉันก็รู้สึกดี๊ดี
เกร็ดน่ารู้ : คำว่า deed ที่แปลว่า ความดี สามารถเติม s ได้นะคะ ถ้าอยากจะพูดถึงทำดีแค่ 1 อย่าง ก็ใช้
a good deed และถ้าทำดีเยอะก็ใช้ว่า good deeds ง่าย ๆ แค่นี้เองล่ะค่ะ

เรื่องที่น่าสนใจต่อมา คือการบอก “ธาตุแท้” เป็นภาษาอังกฤษ เค้าเรียกว่าอะไรนะ

ที่เค้าว่ากันว่า ในยามลำบากก็จะได้เห็นธาตุแท้ของคนเนี่ยมันช่างเป็นเรื่องจริงเลยนะคะ
แต่ถ้าเราอยากจะบ่นว่าใครโชว์ธาตุแท้ เราจะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไรดีนะ

ในภาษาอังกฤษนะคะ เค้าก็จะพูดว่า “true colors” นั่นเองค่ะ ซึ่งแปลตรง ๆ ก็คือ “สีที่แท้จริง”
ซึ่งก็หมายถึง “ธาตุแท้” นั่นเองค่ะ เวลาใช้ก็ใช้ง่าย ๆ ตรง ๆ เลยค่ะ เช่น
Ex. We expect to see her true colors in our meeting today.
(พวกเราคิดกันว่าเราจะได้เห็นธาตุแท้ของหล่อนในที่ประชุมวันนี้นี่ล่ะ)
Ex. He showed his true colors when he was mad yesterday.
(เมื่อวานตอนเขาโมโห เขาก็โชว์ธาตุแท้ออกมาเลย)
Ex. After David got into power to lead the department, he showed his true colors.
(พอเดวิดได้อำนาจเป็นผู้บริหารแผนกของเรา เขาก็ได้โชว์ธาตุแท้ของเขากันเลยทีเดียว)

made of กับ made from ใช้ต่างกันอย่างไร
เมื่อต้องการบอกว่า "สิ่งของนี้ “ทำมาจาก” อะไร ในภาษาอังกฤษ มีการใช้ได้อยู่ 2 แบบคือ
a) It is made of… กับ b) It is made from..
#1 It is made of เราใช้พูดถึงสิ่งของที่ยังเหลือคราบอยู่ว่าทำมาจากอะไร เช่น ตะกร้าสานจากไม้
ก็ยังมีความเป็นไม้ให้เราเห็นอยู่
เก้าอี้ที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์เราก็จะเห็นลายหนังสือพิมพ์และความเป็นกระดาษอยู่ แบบนี้เราก็พูดว่า
The basket is made of wood. ตะกร้าสานจากไม้
The chair is made of newspaper. เก้าอี้ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์

ส่วนอีกแบบหนึ่ง #2 It is made from เราใช้พูดถึงสิ่งของที่เรามองไม่ออกแล้วค่ะว่าทำมาจากอะไร
แบบไม่เหลือคราบให้เห็นซักนิด เช่น กระดาษทำมาจากไม้ (มองไม่เห็นไม้เลย) แก้วทำมาจากทราย
(ไม่เห็นแม้แต่ทรายเม็ดหนึ่ง) ไวน์ทำมาจากองุ่น (แม้แต่สีก็ไม่ม่วงแล้ว) อะไรทำนองนี้ ซึ่งเวลาใช้เราก็จะใช้ว่า
Glasses are made from sand. แก้วทำมาจากทราย
Papers are made from wood. กระดาษทำมาจากไม้

DM แปลว่าอะไร และใช้อย่างไรนะ
DM ย่อมาจาก Direct Message ค่ะ ก็คือส่งข้อความมาเลย เหมือนกับที่บ้านเราใช้ว่า inbox มานะ
แต่ฝรั่งใช้ว่า DM กันค่ะ
DM เป็นได้ทั้ง noun ได้ verb ค่ะ
เป็น noun ก็เหมือน email นับได้ เติม s ได้ เช่น
I do answer DMs and emails. ฉันตอบข้อความและอีเมลเลยนะ
DMs open. เปิดให้ส่งข้อความมาได้นะ
You will receive the details on your DM. คุณจะได้รับรายละเอียดทางข้อความนะ

ถ้าใช้เป็น verb เช่น
DM me to say hi. ส่งข้อความมาทักทายได้นะ
Let me DM you. เดี๋ยวส่ง message ไปหานะ
DM me anytime if you are interested. ส่งข้อความมานะถ้าสนใจ

ถ้าจะระบุว่าข้อความคือทางระบบไหน ก็ใช้ on + ระบบ เช่น on FB, on IG หรือจะใช้ว่า FB DM, IG DM
ก็ได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี

แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 MHz

สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

“ฟังแล้วรื่นหูซะจริง” จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี
ในภาษาอังกฤษจะใช้เป็นสำนวนว่า music to my ears ค่ะ คือประมาณว่า..แหม..
ที่พูดมาฟังแล้วเพราะรื่นหูอย่างกะฟังเพลงเลย..นะ..
ส่วนเวลาที่เราจะนำไปใช้บ้างก็ตามตัวอย่าง ดังต่อไปนี้นะคะ
Ex. It’s the music to my ears. I love it.
(ที่พูดมาฟังแล้วรื่นหูมาก ฉันปลื้มเลย) (ถ้าเจ้านายพูดแบบนี้กับเรา เราคงฉีกยิ้มได้ถึงหูนะคะ)
Ex. I hope the report is music to your ears.
(ฉันหวังว่ารายงานนี้พอจะทำให้คุณอารมณ์ดี รื่นหูนะคะ)
Ex. When we talked about cost savings in our presentation, it was music to Eric’s ears.
(ตอนที่พวกเราพูดเกี่ยวกับการประหยัดต้นทุน ดูท่า Eric จะแฮปปี้มากนะ) (แอบเห็น)
เกร็ดน่ารู้ : สิ่งที่จะเป็น music to one’s ears ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่พูดเสมอไปนะคะ อาจจะเป็นสิ่งของ
สิ่งพิมพ์ก็ได้ เช่น รายงาน เรื่องดี ๆ ข่าวดี ๆ ที่ทำให้คนฟังหรือคนอ่านเค้า “รื่นหู” ไม่ปรี๊ดนั่นเองค่ะ

เรื่องที่น่าสนใจต่อมา คือ "การใช้ I believe. กับการใช้ I do believe. ต่างกันอย่างไร"
เรามักจะเรียนกันมาว่า do, does, did เอามาใช้ในประโยคปฏิเสธ เช่น
I do not know.
She does not like it.
They did not work. เป็นต้น
แต่เอ๊ะ! นี้เรากลับเห็นการใช้ do, does, did ในประโยคบอกเล่าซะนี่
จริง ๆ แล้ว เราใช้ do, does, did ในประโยคบอกเล่าได้ไม่ผิดเลยนะคะ พอใส่ do, does, did
ไปแล้วจะเหมือนกับเราพูดเน้นเพื่อให้น้ำหนักกับสิ่งที่เราพูดมากขึ้น เช่น
I believe so. ฉันเชื่ออย่างนั้น
I do believe. ฉันเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ
She likes running. เธอชอบวิ่ง
She does like running. เธอชอบวิ่งซะเหลือเกิน
They won the lottery. พวกเขาถูกล็อตเตอรี่
They did win the lottery. พวกเขาถูกล็อตเตอรีจริงๆ นะ
เกร็ดน่ารู้ : สังเกตว่าเมื่อใช้ does แล้ว verb ที่ตามมาก็ไม่ต้องเติม s หรือ es อีก เพราะ does
รับหน้าที่ไปเรียบร้อย เช่นเดียวกับ did ค่ะ verb ที่ตามมาก็ไม่ต้องผันเป็นช่อง 2 แล้วเพราะ did
รับทำหน้าที่ผันให้เรียบร้อย
คุณผู้ฟังพอเห็นภาพกันบ้างนะคะ ก็ลองนำคำสามคำ do, does, did
ไปใช้ในประโยคบอกเล่าของเรากันดูบ้างนะคะ

เรื่องที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่องนะคะ คือ หากจะพูดว่า “กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย” “จิตใจตรงกันเลย”
จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร

ขออนุญาตยกตัวอย่างสถานการณ์เช่น
เรากำลังคิดว่าเราจะโทรหาจุ๋ม..​ จุ๋มก็โทรมาพอดี หรือ
เรากำลังจะพูดเรื่องราคา..​ แก้วก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี หรือว่า
เรากำลังหิวอยากหาที่ทานอาหาร..​ ชัยก็พูดขึ้นมาเหมือนกัน
คืออารมณ์ว่า “จิตใจตรงกันจัง” ทีนี้เราจะบอก จุ๋ม แก้ว และชัย เป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี ว่า
“แหมคิดเหมือนกันเลย”
ในภาษาอังกฤษ กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย หรือ จิตใจตรงกันเลย เราจะพูดว่า You read my mind. ค่ะ
เช่น
Chai: Shall we stop by somewhere to have dinner? I’m starving now.
(เราน่าจะแวะกินข้าวเย็นที่ไหนสักที่กันดีไหม ตอนนี้ฉันกำลังหิวเลย)
You: Wow… Chai, you read my mind!
(ว๊าว ชัยใจตรงกันเลยนะ)
เป็นอย่างไรบ้างคะ ใช้ไม่ยากกันใช่มั๊ยล่ะคะ คุณผู้ฟังลองนำไปใช้สนทนากันดูนะคะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.fabenglishonline.com/