ทั้งนี้ ราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ได้เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนเกณฑ์มากว่า 10 ปีแล้ว โดยงานวิจัยของราชมงคลต้องนำไปใช้ประโยชน์ได้ และไม่ได้รอแค่งบประมาณที่จะได้รับจัดสรรในแต่ละปีอย่างเดียว แต่ต้องเตรียมให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยพร้อมยื่นขอทุนวิจัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน คือ ทุนวิจัยที่ราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ได้รับ แต่เดิมปีละ 20 ล้านบาท กลายเป็นปีละประมาณ 300 ล้านบาท เพราะบุคลากรของราชมงคลที่ขอทุนนั้นมีผลงานจริงๆ เนื่องจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการสร้างนวัตกรรม ที่นำไปใช้ได้ ทั้งส่วนของภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ภาคการบริการ หรือแม้กระทั่งชุมชน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่มได้
.
ขณะนี้ ราชมงคลทั้ง 9 แห่ง ได้ยื่นของบวิจัยผ่านแหล่งทุนจากภาคเอกชน ซึ่งคือ กลุ่มที่ใช้งานจากนวัตกรรมที่มาจากการวิจัย โดยเป็นความร่วมมือทำวิจัย ตั้งโจทย์การวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัย และภาคเอกชน เพื่อกำหนดงบโครงการวิจัยที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ แบ่งเป็น 2 วิธี คือ 1.นำบุคลากรทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างและใช้อุปกรณ์ร่วมกัน สนับสนุนเครื่องมือและการตลาด และ 2.นำงบทั้ง 2 ฝ่าย มาลงทุนร่วมกัน มองแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน และทำให้งานวิจัยของประเทศมีมูลค่า
.
เรียบเรียงและรายงานโดย อาทิตยา ปักกะทานัง