English Around You l สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเวลา ที่ใช้กันบ่อย

English Around You l สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเวลา ที่ใช้กันบ่อย
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 2 มกราคม 2567
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
———————————————————————
สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเวลา ที่ใช้กันบ่อย พร้อมประโยคตัวอย่าง
เพราะเวลาไม่ใช่เพียงเครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่ยังสื่อความหมายออกมาได้มากมายหลายมุมมอง
ผ่านสำนวนต่างๆ 
วันนี้เรามีสำนวนภาษาอังกฤษมาฝากทุกๆ คนกัน ซึ่งวันนี้ขอเสนอสำนวนเกี่ยวกับ “เวลา”
เพราะหลายสำนวนน่าจะเป็นสำนวนที่น่าจะเคยผ่านหูผ่านตา หลายๆ คนกันมาแล้ว
เพื่อป้องกันการใช้ผิดโอกาสหรือการแปลความหมายผิดพลาด
เราลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าสำนวนที่เกี่ยวกับเวลาเหล่านี้ มีอะไรบ้าง และแต่ละสำนวนมีความหมายอย่างไร 

1. Time flies
เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยเห็นหรือได้ยินสำนวนนี้อยู่บ่อยๆ ซึ่งคำว่า time flies หมายถึงเวลาผ่านไปเร็วมาก
ราวกับโกหก (เปรียบเหมือนว่าเวลาบินได้)  
ตัวอย่างประโยค  : 
I can’t believe your son is old enough to be in College! How time flies.
 ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายของเธอจะโตจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจัง
Time flies when you are happy.
 เวลาจะผ่านไปเร็ว เมื่อคุณกำลังมีความสุข
2. Beat the clock

เราอาจจะได้ยินสำนวนนี้ ในการแข่งขันกีฬาต่างๆ ซึ่ง Beat the clock หมายถึง
การทำบางอย่างสำเร็จลุล่วงก่อนเวลาหรือการทำอะไรซักอย่างให้ทันกับเวลาที่มีจำกัด 
ตัวอย่างประโยค:
 She couldn’t manage to beat the clock and arrived half an hour after the flight to Tokyo. 
 เธอไม่สามารถจัดการเวลาได้ จึงมาถึงหลังเครื่องบินออกไปโตเกียวแล้วครึ่งชั่วโมง
He can beat the clock and break the marathon running record.
 เขาสามารถวิ่งเข้าสู่เส้นชัยได้ภายในเวลา และทำลายสถิติในการวิ่งมาราธอน
3. In the long run
คำนี้หมายถึง ดูกันยาว ๆ หรือ เปรียบเทียบกันในระยะยาว เป็นต้น
ส่วนมากคำนี้จะใช้เกี่ยวกับการทำงานหรือนำเสนอผลงานต่างๆ 
ตัวอย่างประโยค : 
It seems to take a long time but in the long run it will make your life easier. 
 ในช่วงแรกอาจใช้เวลานานหน่อย แต่ในระยะยาวมันจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่ง่ายขึ้น
4. Around the clock
หมายความว่า ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง All Day All Night ความหมายก็ตรงๆ
ตามสำนวนก็เหมือนกับนาฬิกาที่หมุนวนไปรอบๆ ไม่หยุดนั่นเอง 
ตัวอย่างประโยค : 
This department store is open around the clock. 
 ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
Tomorrow we will have an important event so today we’ll be working around the clock. 
 พรุ่งนี้เราจะมีการจัดอีเว้นท์สำคัญ ดังนั้นวันนี้เราจะทำงานกันทั้งวันทั้งคืน
5. Call it a day
หมายความว่า ได้เวลาเลิกงานหรือเลิกกิจกรรมบางอย่างที่ทำมาตลอดทั้งวัน มักจะใช้คำว่า Let’s นำหน้า
แสดงถึงการเชิญชวนเช่น “Let’s call it a day” หมายถึง เลิกงานกันเถอะ! ซึ่งในการใช้จริงๆ
อาจเติมประโยคต่อท้ายด้านหลังด้วยก็ได้ 
ตัวอย่างประโยค :
Let’s call it a day and let’s start again next Monday. 

 เลิกงานกันเถอะ แล้วมาเริ่มกันใหม่วันจันทร์หน้า
After 5 years working in this company, she thinks it’s time to call it a day.
 หลังจากทำงานที่บริษัทนี้มาแล้ว 5 ปี เธอคิดว่าถึงเวลาที่สมควรจะเลิกทำงานที่นี่แล้ว
6. No time to lose
สำนวนนี้แปลได้ตรงๆ เลยคือ ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว
หรือเป็นการเน้นย้ำให้เห็นความรู้สึกว่าเวลามันไม่มีแล้วจริงๆ มักใช้กับอะไรที่มันดูจวนตัว
ตัวอย่างประโยค : 
I’ve an important meeting tomorrow but still not prepared for the presentation. Tonight I
have to work all night. No time to lose.
 ผมมีประชุมสำคัญในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่เตรียมการพรีเซนต์ คืนนี้ต้องทำพรีเซนต์ทั้งคืน
เพราะไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว
Hurry up, guys, we have no time to lose if we want to make this flight!
 เร็วเข้าพวกเรา เราไม่มีเวลาที่จะเสียแล้ว ถ้าเราจะไปให้ทันเที่ยวบินนี้!

7.  At the eleventh hour
หมายความว่า วินาทีสุดท้าย ทำอะไรก่อน Deadline นิดเดียว มักใช้สำนวนนี้เมื่อทำบางอย่างในแบบรีบร้อน 
ตัวอย่างประโยค  :
This student always submits homework at the eleventh hour. 
 นักเรียนคนนี้มักส่งการบ้านในวินาทีสุดท้ายเสมอ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://engfinity.co.th/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี

แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 MHz

สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเวลา ที่ใช้กันบ่อย พร้อมประโยคตัวอย่าง
8. Living on borrowed time
หมายความว่า การมีชีวิตที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย โดยสำนวนนี้แปลความหมายตรงตัวคือ  
“ยืมเวลามาใช้” ก็เหมือนเวลาเรายืมอะไรมา สุดท้ายก็ต้องคืน ดังนั้น หากพูดถึงเรื่องเวลา
หากเรายืมเวลามาใช้ ก็ต้องคืนให้ไป ชีวิตเราก็คงไม่มีเวลาเหลือ เท่ากับว่า
เราตกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายนั่นเอง 
ตัวอย่างประโยค  : 
My Father got brain tumor. He’s living on borrowed time now. 
 พ่อฉันเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนนี้เขาจึงมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย
Accidents and disease can strike so unexpectedly that it feels like we’re all living on
borrowed time.
 อุบัติเหตุและโรคภัยไข้เจ็บ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่ทันตั้งตัว
จนรู้สึกเหมือนเราทั้งหมดอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย
9.  Once in a blue moon 
เชื่อว่าหลายคนที่ได้ยินสำนวนนี้คงมีความรู้สึกว่าโรแมนติกแน่ๆ แต่ความหมายที่แท้จริงของสำนวนนี้คือ นานๆ
ครั้ง  ซึ่งที่มานั้นเกิดจากการเปรียบเปรย ถึงพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon)
หรือพระจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือนนั้น เพราะปกติแล้วพระจันทร์จะเต็มดวงเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
Blue Moon นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย จึงเป็นที่มาของสำนวนนี้ 
ตัวอย่างประโยค :
 Once in a blue moon I go to concert, only when there’s a band I really love. 
 นานๆ ทีฉันจะไปดูคอนเสิร์ต เฉพาะตอนที่มีวงที่ฉันชอบเท่านั้น
Because I live abroad, I get to meet my parents once in a blue moon.
 เพราะว่าฉันอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันจึงพบกับพ่อแม่ของฉันนาน ๆ ครั้ง

10. Not born yesterday
สำนวนนี้หมายความว่า มีประสบการณ์ มีความรู้ ถ้าแปลกันตรง ๆ เลยคือ ไม่ได้เกิดเมื่อวานนะ
หรือที่ในภาษาไทยชอบพูดกันว่า ฉันไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนนะ 
ตัวอย่างประโยค :
I wasn’t born yesterday so I know his behavior well. 
 ฉันไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืน ฉันรู้พฤติกรรมของเขาเป็นอย่างดี
Listen, I wasn’t born yesterday. This looks like you copied my homework.
 ฟังนะ ฉันไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืน มันดูเหมือนคุณลอกการบ้านของฉัน
11. It’s high time
สำหรับสำนวนนี้สามารถสื่อความหมายได้สองแบบ อย่างแรกคือ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำอะไรซักอย่าง
หรือ เลยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำอะไรซักอย่างไปแล้ว แต่ยังไม่สายเกินไป 
ตัวอย่างประโยค  :
It’s high time I’ll clean my bedroom. Because now my bedroom is very dirty. 
 ถึงเวลาที่ฉันจะทำความสะอาดห้องนอนซักที เพราะห้องนอนของฉันสกปรกมากตอนนี้
It’s high time that you started working because you have graduated for 1 year.
 ถึงเวลาที่คุณควรจะเริ่มงานซักที เพราะคุณเรียนจบมา 1 ปีแล้ว 

12. Time and tide wait for no man
สำนวนนี้แปลความหมายได้ว่า เวลาและสายน้ำไม่เคยรอใคร มักใช้พูดเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของเวลา
ว่าเวลามันเดินไปอยู่ตลอด ฉะนั้นคิดจะทำอะไรก็ลงมือเลย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง 
ตัวอย่างประโยค :
 If you want your business to succeed. You must do it now. Because time and tide wait for
no man.
  ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ คุณต้องลงมือทำเลย เพราะเวลาและสายน้ำไม่เคยรอใคร
Time and tide wait for no man. If you don’t understand in class you have to ask your
teacher since then.
 เวลาและสายน้ำไม่เคยรอใคร ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรในห้องเรียน คุณต้องถามอาจารย์ของคุณตั้งแต่ตอนนั้นเลย 
13. Make up for lost time

เชื่อว่าหลายๆ คนสมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัย น่าจะเคยได้ยินคำว่า Make up class กันมาบ้าง
ความหมายของ Make up Class ก็คือ การเรียนชดเชย ซึ่งสำนวน Make up for lost time
ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน คือ ชดเชยเวลาที่เสียไป
ตัวอย่างประโยค  :
We haven’t had lunch together for a long time. Let’s make up for lost time tomorrow. 
 เราไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยงกันนานเลย พรุ่งนี้เราไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า ชดเชยช่วงเวลาที่เราไม่ได้พบกัน
I didn’t travel much during my university studies but I’m certainly making up for the lost
time now.
 ฉันไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย สมัยที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ฉันกำลังไปเที่ยวชดเชยเวลาที่ฉันไม่ได้ไป

14. Only time will tell
สำหรับสำนวนนี้ เป็นสำนวนที่แฝงความสวยงามของความหมายไว้มากมาย Only time will tell
มีความหมายตรงๆ เลย ก็คือ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้เวลาหาความจริงในอนาคต
เวลาจะเป็นคนบอกทุกอย่าง 
ตัวอย่างประโยค  :
No one knows what the future will be like. Only time will tell.
 ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เวลาเท่านั้นจะเป็นคนบอก

แต่ละสำนวนที่เอามาฝากกันในวันนี้ ล้วนมีความหมายเกี่ยวกับ ”เวลา” ที่ต่างกัน ถ้าคุณผู้ฟังเห็นว่าสำนวนไหน
ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันได้  ก็ลองเอามาใช้กันดูได้นะคะ
นอกจากเป็นการเตือนใจตัวเองให้รู้ถึงความหมายและคุณค่าของ “เวลา” แล้ว
ยังทำให้การสื่อความหมายและอารมณ์ได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งทำให้การสื่อสารภาษาอังกฤษดูมีความเป็น
Professional มากขึ้นอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://engfinity.co.th/