English Around You l มารู้จัก filler words ในภาษาอังกฤษที่ฮิตติดปากฝรั่งกันสักหน่อย

English Around You l มารู้จัก filler words ในภาษาอังกฤษที่ฮิตติดปากฝรั่งกันสักหน่อย
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน

.
ออกอากาศ 16 เมษายน 2567
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
……………………………………………..

มารู้จัก filler words ในภาษาอังกฤษที่ฮิตติดปากฝรั่งกันสักหน่อย

คำถามแรกเลยที่ทุกคนอยากรู้คือ filler words คืออะไร  filler word
ก็คือคำที่แทบจะไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นการเป็นงาน
แต่เอาไว้พูดเวลาที่เรานึกคำไม่ออกหรือไม่อยากให้บทสนทนาเราเงียบไปเฉยๆ หรือเอาไว้เชื่อมต่อบทสนทนา 
ซึ่งชื่อทางการของมันคือ discourse marker  เรามาดูกันค่ะว่า filler words
ที่เจ้าของภาษาเค้าชอบพูดกันจนเกร่อ พูดกันจนฮิตติดปากมีอะไรบ้าง

คำนี้ทุกคนน่าจะรู้จัก  คำว่า Really?  ให้ความหมายในเชิง  จริงเหรอ?  งั้นเหรอ? 
เหมือนเป็นคำที่แสดงความประหลาดใจกับสิ่งที่คนอื่นพูดมา  เช่นสมมติว่าเพื่อนบอกว่าสอบไม่ผ่านวิชาฟิสิกส์ 
เราก็บอกออกไปว่า Really? เหมือนกับประหลาดใจหรือไม่เชื่อว่าเพื่อนจะสอบตกจริงๆ   คำต่อมาคือ Right
กับ Sure สองคำนี้เหมือนเป็นการยืนยันว่า ใช่  ใช่แน่นอน อะไรแบบนี้ เช่นบอกว่า Right, you need to
take it to the shop and get it looked at. (ใช่ แกต้องเอาไปให้ที่ร้านดูว่าเป็นไง) 
อีกคำที่น่าจะได้ยินบ่อยคือ exactly / certainly / definitely  เป็นการยืนยันหรือบอกว่าแน่นอน 
เหมือนเป็นคำตอบรับว่าใช่ แทนที่เราจะใช้แต่คำว่า ok หรือ yes ก็ลองใช้พวกนี้ดูก็ได้ค่ะ เช่น
เราถามเพื่อนว่าหนังเรื่องจูราสสิคเวิร์ลเนี่ยมันสนุกมากมั้ย

Is the Jurassic World Movie awesome?  แทนที่เราจะตอบว่า yes
เราก็ต้องการที่จะให้น้ำหนักมันมากขึ้นไปอีกว่าเยี่ยมสุดๆ ก็อาจจะใช้คำว่า exactly  ได้    filler words
คำต่อมาก็คือ well หรือ so  ซึ่งบางคนพูดบ่อยมากๆ  มักจะพูดเวลาเริ่มประโยคแปลเป็นไทยก็ประมาณว่า
“คือ….”  “งั้น…..”  เช่น  So, what you can do is to calm down.
หรือในกรณีที่เราอยากจะให้บทสนทนามันดูนุ่มนวลขึ้น แทนที่จะบอกหรือถามไปตรงๆ
เราอาจจะนำประโยคขึ้นมาด้วยคำพวกนี้ก่อนแล้วค่อยพูดต่อ หรืออาจจะพูดเพื่อใช้เวลาคิดคำพูดอื่นต่อ
เช่นเพื่อนมาขอยืมรถ แต่คุณก็ยังไม่แน่ใจว่าจะให้ยืมได้มั้ยหรือกำลังคิดอยู่  ก็อาจจะบอกว่า  Well…fine you
can borrow my car.  อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้มีความหมายเป็นชิ้นเป็นอัน 
ดังนั้นเราอาจจะไม่ต้องไปใส่ใจความหมายมากนัก  ต่อมาคำว่า like /sort of / kind of แปลเป็นไทยก็ 
“แบบว่า”  “ประมานว่า”  เวลาที่เราอยากจะอธิบายลักษณะของคน ๆ
หนึ่งหรือของสิ่งหนึ่งแต่เราไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร หรือพูดถึงสิ่งที่เราไม่แน่ใจ เราอาจจะใช้คำนี้ได้  เช่น 
He was kind of thinking for a while and punched that man. 
(เขาก็เหมือนจะคิดอะไรอยู่ซักแป๊บนึงแล้วก็ต่อยผู้ชายคนนั้นเลย)

คำต่อมาคือคำในกลุ่ม  actually / basically / seriously      คำกลุ่มนี้ลงท้ายด้วย –ly เป็น adverb
 ซึ่งลักษณะการนำไปใช้ก็จะต่างกัน  actually จะเป็นการแสดงความคิดเห็นที่อาจจะตรงข้ามกับอีกฝ่าย
แต่อาจจะอยากพูดให้ดูนุ่มนวลขึ้น ไม่ได้อยากหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายมากนัก  เช่น  เพื่อนคุณคิดว่าหนังเรื่อง The
Fast 8 สนุกที่สุดในบรรดาภาคอื่นๆ  แต่คุณกลับคิดว่าภาค 5 สนุกกว่า ก็อาจจะบอกว่า  Actually, I think
The Fast 5 is more exciting.  ส่วนคำว่า basically คำนี้ออกเสียงว่า เบสิคลี่  ไม่ออกเสียงว่า เบสิคอลลี่
นะคะ  คำนี้ใช้เวลาที่เราจะสรุปอะไรซักอย่างแบบไม่อยากพูดเยอะ ไม่อยากพูดลงรายละเอียด
แปลเป็นไทยก็คือ “เอาง่ายๆเลยนะ”  “สั้นๆนะ”  เช่น

Tom, basically, what you are doing is wrong.  (นี่ทอม  เอาง่ายๆเลยนะ สิ่งที่เอ็งทำอยู่เนี่ยมันผิดนะ)

So basically I will see you at your place, then we will take a cab to the Mall. (เอางี้ ง่ายๆนะ
เดี๋ยวฉันไปเจอแกที่บ้าน แล้วเราเรียกแท้กซี่ไปที่ห้างกัน)

คำว่า seriously เอาไว้ใช้เวลาที่เราต้องการเพิ่มน้ำหนักของคำพูดให้มากขึ้น เช่น  This movie is seriously
awesome!  (หนังเรื่องนี้มันเจ๋งโคตรๆเลย)

ยังมีคำ filler words อีกมากที่เจ้าของภาษาเค้าชอบพูดกัน  เดี๋ยวมาต่อในช่วงที่ 2 ของรายการนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://pasaangkit.com/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี

แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทาง FM 89.5

Innovation for life นวัตกรรมเพื่อชีวิต

มารู้จัก filler words ในภาษาอังกฤษที่ฮิตติดปากฝรั่งกันสักหน่อย

มาดูคำ filler words กันต่อค่ะ จะได้เข้าใจเวลาชาวต่างชาติพูดมากขึ้นนะคะ

ต่อมาเป็นคำในตำนานเลยค่ะคำว่า you know กับ you see  เป็นคำซื้อเวลาที่ได้ยินบ่อยมากใช่มั้ยคะ  คำว่า
you know พูดได้ทั้งเป็นประโยคบอกเล่าหรืออยู่ในรูปประโยคคำถามก็ได้  คือ you know?
ความหมายก็ประมาณว่า “นึกออกป้ะ  เก็ตป้ะ”  หรือแปลว่า “ก็แบบว่า…”  เช่น

When the elevator went down, I got that weird feeling in my ears, you know?

(ตอนที่ลิฟท์ร่วงลงมานะ รู้สึกแปลกๆในหูเลยอ่ะ นึกออกป้ะ)

We went to Mark’s party, you know, it was fabulous! (พวกเราไปงานปาร์ตี้ของมาร์คมา
คือแบบว่ามันสุดยอดมากเลย)

ส่วนคำว่า you see ใช้เวลาที่เราหวังให้ใครเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด หรือสิ่งที่เราพูดต่อไปนี้อีกฝ่ายไม่รู้  เช่น  You
see, it’s better if you do your homework before dinner.
(เห็นป้ะว่ามันจะดีกว่าถ้าทำการบ้านก่อนกินข้าวน่ะ)

อีกคำหนึ่งคือคำว่า you know what I mean?  เป็นประโยคเชิงคำถาม 
เอาไว้ถามเพื่อเช็คว่าอีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่เราพูดมั้ย  เช่น  I won’t let him ruin my life again, you know
what I mean?  (ฉันจะไม่ปล่อยให้เขามาทำลายชีวิตฉันอีกแน่ เข้าใจที่พูดมั้ย)

คำต่อมา คำว่า (or) something like that มักจะพูดท้ายประโยคประมาณว่าไม่แน่ใจ  แปลง่ายๆก็คือ
“อะไรประมาณนั้น”  เช่น I think he’ll be here in 15 minutes or something like that.
(ฉันคิดว่าเขาน่าจะถึงในอีก 15 นาทีประมาณนั้น)

เวลาที่เราจะซื้อเวลาเพื่อนึกคำพูดต่อไป หรืออยู่ในอาการลังเล เราอาจจะใช้คำว่า Let me think
ก็แปลประมาณว่า “ขอคิดก่อนนะ”  เช่น The last time I spoke to her was, let me think, three
weeks ago. (ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับหล่อนก็…คิดก่อนนะ…ก็สามอาทิตย์ที่แล้ว)

อีกคำที่น่าจะได้ยินบ่อยคือคำว่า by the way  คำนี้เอาไว้ใช้เวลาที่เราเปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่จะพูด 
แบบว่าพูดเรื่องนี้อยู่ดีๆแล้วนึกเรื่องอื่นขึ้นมาได้ก็ให้พูดคำว่า by the way แปลเป็นไทยก็คงประมาณ 
“เอ้อ…แล้ว”  “เออ…ใช่”  “เออ…ว่าแต่” “เดี๋ยวนะ…”  เช่น  It’s so hot today. I want to have an ice
cream. By the way, what time is it? (วันนี้ร้อนจริงๆเลย อยากทานไอศกรีมเลย เออว่าแต่นี่กี่โมงแล้วล่ะ)

บางทีก็อาจจะได้ยินคำว่า How can I explain?
พูดตอนที่อยากจะอธิบายบางอย่างให้เราเข้าใจแต่ไม่รู้จะพูดยังไง  เช่น She isn’t like anyone. She’s more
special. How can I explain? I think I love her. (เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอพิเศษกว่า จะให้พูดยังไงดี
คือฉันคิดว่าฉันรักเธอเข้าแล้วล่ะ)

หลายคำเลยนะคะสำหรับ filler words ที่ฝรั่งเค้านิยมพูดกัน แต่อันที่จริงเจ้า filler words
เนี่ยบางทีก็ไม่ดีเหมือนกัน พูดบ่อยเกินไปก็จะทำให้บทสนทนาดูเยิ่นเย้อ น่ารำคาญ เพราะฉะนั้นใช้แต่พองาม
ซึ่ง filler word พวกนี้มันก็น่าจะดีกว่าการที่เราเงียบไปเฉย ๆ แบบไม่รู้จะพูดอะไรหรือพูดแต่คำว่า
เอ้อ….อ่า….เอิ่มม..  อะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็จะฟังดูน่าเบื่อกว่ามาก
ถ้าได้มีโอกาสพูดกับชาวต่างชาติก็ลองสังเกตดูนะคะ หรือเวลาดูหนังก็ลองฟังดูว่าเค้าพูดกันตอนไหนนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://pasaangkit.com/