มทร.ธัญบุรี ปรับหลักสูตรทันสมัย บัณฑิตมีงานทำพุ่งสูง หนุนเสริมทักษะให้ตรงกับตลาดแรงงาน

รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เปิดเผยว่า จากพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้มีการเก็บรวบรวมสถิติการมีงานทำของบัณฑิตที่จบการศึกษาในรอบแรก มีบัณฑิตที่จบการศึกษาทั้งสิ้น 5,804 คน รายงานข้อมูล 4,233 คน คิดเป็น 73% โดยคณะที่ให้ความร่วมมือรายงานข้อมูล 3 อันดับแรก ประกอบด้วย คณะพยาบาลศาสตร์ 100% คณะการแพทย์บูรณาการ 94.95% และคณะวิทยาศาสตร์ 83.19%
.
ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลดังกล่าว บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีงานทำทั้งสิ้น 2,650 คน หรือคิดเป็น 45.7% แบ่งเป็น บัณฑิตมีงานทำใหม่ 2,488 คน มีงานทำก่อนจบ 162 คน รองาน 1,391 คน ศึกษาต่อ 120 คน ซึ่งการเก็บสถิตินี้มหาวิทยาลัยจะมีการติดตามผลการมีงานทำอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าตัวเลขการมีงานทำของบัณฑิตจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีการติดอาวุธทางปัญญาให้กับนักศึกษา เช่น เสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษ เสริมทักษะไอทีและดิจิทัล เพื่อให้พร้อมกับการทำงาน โดยคณะที่บัณฑิตมีงานทำมากที่สุด ได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ 98.65% คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 72.39% คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ 71.65% คณะศิลปศาสตร์ 71.43% และคณะเทคโนโลยีการเกษตร 70.77%
.
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราเงินเดือนของผู้สำเร็จการศึกษาที่มีงานทำภายใน 1 ปีหลังเรียนจบ โดยบัณฑิตจากคณะพยาบาลศาสตร์ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25,000 บาท คณะการแพทย์บูรณาการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 22,500 บาท โดยบัณฑิตส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยจะทำงานในบริษัทเอกชน ข้าราชการ และกิจการครอบครัว
การเก็บข้อมูลในครั้งนี้ พบว่า 2 ปีที่ผ่านมา บัณฑิตจากคณะพยาบาลศาสตร์มีงานทำเกือบ 100% เพราะตลาดมีความต้องการพยาบาลเป็นจำนวนมาก และบัณฑิตมีทักษะพร้อมปฏิบัติงานจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ มทร.ธัญบุรี ให้ความสำคัญ เพราะมุ่งมั่นที่จัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและตรงตามมาตรฐานของสภาการพยาบาล รวมถึงมีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงต้นแบบ และให้คำปรึกษาด้านวิชาการ
นอกจากนี้ คณะเทคโนโลยีการเกษตร เป็นอีกหนึ่งคณะที่บัณฑิตมีงานทำสูงเช่นกัน เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้มีการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย ให้เป็นที่ต้องการของภาคการเกษตร และสถานประกอบที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ สร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงมีการร่วมมือกับสถานศึกษาในต่างประเทศ เช่น Tianjin Agricultural University ประเทศจีน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ด้านการเกษตร มีการทำหลักสูตรร่วมกัน จัดส่งนักศึกษาของ มทร.ธัญบุรี เข้าเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งนักศึกษาเรียนจบจะได้รับสองปริญญา ทำให้เป็นที่ต้องการของสถานประกอบการเป็นอย่างมาก
…………………………………………………………………………………………………………..
สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs)
SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)
SDG 8: งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth)
SDG 17: หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals)

รายงานโดย อาทิตยา ปักกะทานัง