.
ผศ.ดร.ประชุม กล่าวถึงที่มาของผลงานวิจัยว่า จากปัญหาค่าฝุ่น P.M.2.5 จากการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข บวกกับภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างต้องการลดการใช้ปูนซีเมนต์ เนื่องจากคอนกรีตมีค่าการปลดปล่อยคาร์บอนที่สูง และต้องการกลับมาพัฒนาการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นไม้ธรรมชาติ การนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาผลิตเป็นวัสดุทดแทนไม้ในทุกชิ้นส่วนของอาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย แผ่นไม้ โครงเคร่าไม้ อิฐไม้ และผนังแบบแซนด์วิช ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่ได้มีภายในประเทศ สามารถตอบโจทย์สถานการณ์การของโลกในปัจจุบัน และเป็นที่ต้องการของตลาดสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลการตลาดของวัสดุทดแทนไม้ พบว่า ประเทศไทยเป็นตลาดของวัสดุทดแทนไม้ที่สำคัญของอาเซียน โดยผลิตวัสดุทดแทนไม้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมากที่สุดแล้วยังมีการส่งออกไปยังต่างประเทศมากถึงร้อยละ 50 ของกำลังการผลิต หรือประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยกระบวนการผลิต นวัตกรรมวัสดุอัดชีวภาพจากของเหลือทิ้งในภาคการเกษตร เป็นการพัฒนาระดับเทคโนโลยีของเครื่องจักรให้มีขนาดใหญ่ขึ้นในระดับ SME สำหรับรองรับการผลิตจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ สำหรับธุรกิจก่อสร้างและตกแต่ง ที่ประหยัดพลังงาน กันเสียง ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: หน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โทรศัพท์ 0- 2549 – 3410
รายงานโดย อาทิตยา ปักกะทานัง