นักวิชาการ มทร.ล้านนา เตือน ฝุ่น PM 2.5 เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ แนะประชาชนสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ป้องกันโรค

จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ Covid-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศในขณะนี้ ได้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนบนที่ประสบปัญหาหมอกควันจากไฟป่าร่วมด้วย ส่งผลให้มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในอากาศเกินมาตรฐานด้วยนั้น

รศ.ดร.พานิช อินต๊ะ หัวหน้าหน่วยวิจัยสนามไฟฟ้า(ประยุกต์) วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มทร.ล้านนา หนึ่งในทีมพัฒนาหน้ากากผ้านาโน win-masks ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า “ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับโรคระบาด รวมถึงปัญหาหมอกควันไฟป่าในภาคเหนือ อยากฝากเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากป้องกันตนเองจากไวรัส และฝุ่น PM 2.5 เพราะจากการศึกษาวิจัยพบว่า อนุภาคขนาดเล็กของเชื้อไวรัสสามารถเกาะกับอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่น หรือ PM 2.5 และเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจได้ เมื่อผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัส ไอหรือจาม ซึ่งปริมาณของฝุ่นมีผลกับการแพร่ระบาดของโรค สามารถสังเกตได้ว่าช่วงที่ฝุ่นน้อย การระบาดก็จะต่ำไปด้วย แต่กลับกันคือในช่วงที่เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กมีจำนวนมาก โรคติดเชื้อก็จะสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงอยากฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะจังหวัดภาคเหนือตอนบนในขณะนี้ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นและป้องกันโรคติดต่อ ซึ่งหน้ากากผ้าก็สามารถใช้ป้องกันได้เช่นกัน และขอให้ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ อย่าตื่นตระหนก ให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติและเข้าใจ จะสามารถผ่านสภาวการณ์นี้ไปได้”

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายจังหวัดในภาคเหนือ มีดัชนีคุณภาพอากาศ อยู่ในระดับที่
เป็นอัตรายต่อสุขภาพติดต่อกันหลายวัน โดยมีสาเหตุเกิดจากไฟป่าที่ยังคงลุกไหม้บนภูเขาในหลายจังหวัด และยังคงลุกลามต่อไปเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชน และก่อให้เกิดความกังวลเรื่องโรค Covid-19 ไปพร้อมกันด้วย

ธริษตรี ธนรัตนพิมลกุล วิทยุราชมงคลล้านนา รายงาน