English Around You l การใช้ Own

English Around You l การใช้ Own (V.)
– sit กับ sit down
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 12 เมษายน 2566
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ

……………………………………………………………………….
Own (V.)
own ที่ทำหน้าที่เป็นคำกริยา มี 2 กรณี คือ
own ที่เป็น Transitive Verbs (VT) หรือกริยาที่ต้องการกรรมตรง มีความหมายว่า เป็นเจ้าของ,
ครอบครอง
ex. I own two houses in Chiang Mai.
     (ฉันเป็นเจ้าของบ้าน 2 หลังที่เชียงใหม่)
ex. He owns 70% of the company.
     (เข้าเป็นเจ้าของบริษัท 70%)
own ที่เป็น Intransitive Verbs (VI) หรือกริยาที่ไม่ต้องการกรรมตรง มีความหมายว่า ยอมรับ
โดยปกติมักใช้กับเรื่องราวที่ไม่ค่อยดี
ex. He owned that he was wrong.
     (เขายอมรับว่าเขาเป็นคนผิด)
ex. You know she said those lies, just own it and move on.
     (คุณรู้ว่าเธอพูดโกหก แค่ยอมรับมันและไปต่อก็เท่านั้น)

Own (Adj.)
own ที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ มีความหมายว่า ที่เป็นของตัวเอง ใช้ขยายความคำนาม
โดยจะวางไว้หน้าคำนามที่ขยาย
ex. He bought this car with his own money.
     (เขาซื้อรถคันนี้ด้วยเงินของเขาเอง)
ex. I saw a car crash with my own eyes.
     (ฉันเห็นรถชนกันด้วยตาของฉันเอง)

Own (Pron.)
Own ที่ทำหน้าที่เป็นคำสรรพนาม มีความหมายว่า ของตัวเอง โดยใช้ตามหลังคำสรรนาม เช่น my, your,
his, their เพื่อเน้นย้ำความเป็นเจ้าของ
ex. This luxury car is my own.
      (รถหรูคันนี้เป็นของฉันเอง)
ex. He has a writing style that is very much his own.
     (เขามีสไตล์การเขียนที่เป็นตัวเองมาก ๆ)

Owner (N.)
owner เป็นคำนาม หมายถึง เจ้าของ, ผู้เป็นเจ้าของ
ex. Are you the owner of this book?
     (คุณเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า?)
ex. The owner of that restaurant is a friend of mine.
      (เจ้าของร้านอาหารนั้นเป็นเพื่อนของฉันเอง)
 

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี
แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ
Sit มีความหมายว่านั่ง แต่หลายครั้งหลายหนจะเห็นว่าใช้ sit down, sit down to, sit in, sit on
ซึ่งแต่ละคำมีการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนั้นมาทำความเข้าใจเรื่อง sit

sit กับ sit down
โดยปกติ Sit และ Sit down มีความหมายว่า “นั่ง” จะใช้คำใดก็ได้ หรือจะใช้แทนกันก็ไม่มีปัญหา
Example:
John sat on a bench. = John sat down on a bench.
(จอห์นนั่งบนม้านั่ง)
Would you mind if I sit here? = Would you mind if I sit down here?
(คุณจะว่าอะไรไหมหากฉันจะนั่งตรงนี้)
อย่างไรก็ตาม ทั้ง sit และ sit down ยังมีการใช้งานที่ต่างกัน ทำให้มีความหมายแตกต่างกันเล็กน้อยน้อย ดังต่อไปนี้

ใช้ในความหมาย “นั่งนิ่งๆ (ไม่เคลื่อนไหว)”
หากใช้ในความหมายว่า นั่งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว จะใช้ sit ในขณะที่ sit down ไม่ได้สื่อความหมายเช่นนั้น
ในกรณีนี้จึงใช้แทนกันไม่ได้
Example:
Don’t just sit there. Do something!
(อย่าแค่นั่งเฉยๆ ทำอะไรสักอย่างสิ!)

ใช้ในความหมาย “ตั้งอยู่ที่…”
นอกจากนี้ sit ยังใช้ในความหมายว่า ตั้งอยู่ที่… เมื่อต้องการบอกที่อยู่หรือตำแหน่งของสิ่งของ ตึก อาคารว่าอยู่ในสถานที่ใด
โดยใช้ในความหมายเดียวกับ stand ซึ่งกรณีนี้จะใช้ sit down ไม่ได้

Example:
The bottle sits on my table.
(ขวดอยู่บนโต๊ะของฉัน) *ใช้ stands แทน sits ได้
My house sits on a hill.
(บ้านของฉันอยู่บนเนินเขา) *ใช้ stands แทน sits ได้

ใช้ในความหมาย นั่งลง
ในกรณีนี้ใช้เป็น transitive verb (กริยาที่ต้องการกรรม) โดย sit down จะให้ความหมายสื่อถึงการสั่ง บังคับให้ผู้อื่นนั่งลง
ในขณะที่ sit จะให้ความหมายถึงการเสนอหรือแนะนำให้นั่ง ตามโครงสร้าง sit someone down … / sit someone ….
Example:
My father sat me down.
(พ่อ [บังคับ] ให้ฉันนั่งลง )
The teacher sat the students at table.
(ครูบอกให้นักเรียนนั่งที่โต๊ะอาหาร)
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เป็นคำสั่งใช้ sit down จะเหมาะสมที่สุด เช่น Sit down! (นั่งลง) สุภาพ โดยเติม please จะใช้
Please, sit down. (ไม่ใช้ Please, sit.)

sit down to
sit down to เป็นวลี ใช้ในความหมายว่า นั่งเพื่อทำบางสิ่ง หรือเพื่อบางสิ่ง sit down to (do something)
Example:
She finally sat down to working on her paper.
(ในที่สุดเธอก็เริ่มนั่งเขียนรายงานของเธอ)

sit in กับ sit on
การใช้ sit เพื่อบอกว่า นั่ง ที่พบบ่อยๆ จะใช้ควบคู่กับ preposition ‘in’ และ ‘on’ โดยทั่วไปจะใช้แบบไหนก็ได้
ต้องรู้ว่าเก้าอี้แบบไหนต้องนั่งด้วย sit in หรือ sit on

sit in
sit in จะใช้กับที่นั่งที่มีลักษณะห่อหุ้มตัวเราอย่างเช่น โซฟา (sofa) นุ่มๆ และเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลังและที่วางแขน
อีกทั้งยังใช้กับสิ่งที่อยู่ในลักษณะปกปิดส่วนบนและด้านข้างของร่างกายเวลานั่งด้วย

chair (เก้าอี้) หรือ seat (ที่นั่ง) มีหลายชนิด ปกติแล้วใช้ sit in หรือ sit on ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเก้าอี้แข็งๆ มีที่พักแขน
มีส่วนประกอบที่เหมือนช่วยปกปิดร่างกายมักใช้ sit in

folding chair (เก้าอี้พับ) เก้าอี้ที่มีแต่พนักพิงหลัง บางครั้ง Native Speaker ก็ใช้ต่างกัน เช่น ชาวอเมริกันใช้ sit in
ขณะที่ชาวแคนาเดียนอาจใช้ sit on

sit on
sit on ใช้กับเก้าอี้ที่ไม่ปกปิดร่างกายเวลานั่ง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกถึงวิธีการนั่งเก้าอี้ประหนึ่งว่าได้สัมผัสแรงกดมาจากข้างบน
stool เป็นเก้าอี้ไม่มีพนักพิงหลัง ไม่มีที่รองแขน และไม่มีส่วนประกอบที่ห่อหุ้มร่างกาย จึงใช้ sit on เช่น He is sitting on
the stool. (เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สตูล)

toilet (นั่งโถส้วม) กรณีนั่งโถส้วมสไตล์ตะวันตกหรือส้วมชักโครกส่วนใหญ่จะใช้ sit on เพราะโถส้วมไม่มีส่วนที่ปกปิดร่างกาย
เช่น My son sat on the toilet. (ลูกชายของฉันนั่งส้วม)

อย่างไรก็ตามจะใช้ sit on หรือ sit in ไม่ได้อยู่ที่รูปทรงของเก้าอี้เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน
เนื่องจาก on มีภาพว่าใช้แรงกดมาจากด้านบน ดังนั้นจะใช้ on ในประโยคที่อ้างอิงถึงแรงกดอย่างชัดเจน
Ex. He sat on (sat in) the chair and it broke.
กรณีนี้สื่อถึงว่าใช้แรงกดจากด้านบนเลยทำให้เก้าอี้พัง ใช้ sit on จึงเป็นธรรมชาติกว่า แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะใช้ sit on หรือ
sit in ก็ไม่ผิด
แต่ sit in จะโฟกัสไปที่ช่องว่างหรือพื้นที่เล็กๆ เช่น You can sit in any seat you like. (กรุณานั่งที่นั่งที่คุณชอบได้เลย)
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสีหรือรูปทรงเก้าอี้ที่ชอบ แต่สื่อถึงพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง
 

ขอขอบคุณข้อมูลดีดี https://www.trueplookpanya.com