English Around You l Fruit – Fruits ใช้อย่างไรให้ถูก

English Around You l Fruit – Fruits ใช้อย่างไรให้ถูก
– วิธีบอกว่า ฉันไม่เชื่อ ในภาษาอังกฤษ
– การใช้ actually & really
.
โดย อ.ชนฎนาถ จินศรี
และ อ.พุทธนาถ สวัสดิ์โยธิน
.
ออกอากาศ 12 มีนาคม2567
ติดตามรับฟังได้ทาง #RmuttRadio #Englisharoundyou #ภาษาอังกฤษ #สนทนาภาษาอังกฤษ #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #แกรมม่า #สำนวนอังกฤษ
……………………………………………
Fruit – Fruits ใช้อย่างไรให้ถูก
Fruit หมายถึง ผลไม้ เป็นคำนามที่เป็นทั้งคำนามนับได้ (Countable) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable)
ดังนั้นเมื่อเป็นพหูพจน์สามารถใช้ได้ทั้ง Fruit หรือ Fruits
แต่มีหลักการใช้ที่ต่างกันเล็กน้อยควรจำเพื่อใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเจ้าของภาษา
เมื่อเราพูดถึงผลไม้โดยรวมไม่เฉพาะเจาะจง ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า Fruit (ไม่เติม s)
Ex. Do you like fruit?
     (คุณชอบผลไม้ไหม?)
Ex. Fruit is good for your health.
     (ผลไม้ดีต่อสุขภาพ)
Ex. I need to eat more fruit.
     (ฉันต้องทานผลไม้ให้มากกว่านี้)
Ex. Eat at least two pieces of fruit a day.
     (จงทานผลไม้อย่างน้อย 2 ชิ้นต่อวัน)
Ex. Would you like some fruit?
     (คุณต้องการผลไม้ไหม?)

แต่ถ้าต้องการเน้นย้ำถึงชนิดของผลไม้ เมื่อนั้นจะใช้ Fruits (เติม s)
Ex. My favorite fruits are dragon fruits, oranges and pineapples.
     (ผลไม้โปรดของฉันคือแก้วมังกร, ส้ม และสับปะรด)
Ex. The smoothie is made from a variety of fresh fruits.
     (สมูทตี้ทำมาจากผลไม้สดหลากหลายชนิด)
Ex. You can find a variety of fruits on the buffet table, such as water melons, apples, grapes,
pineapples and others.
      (คุณจะพบเห็นผลไม้หลากหลายชนิดบนโต๊ะบุฟเฟ่ต์ เช่น แตงโม, แอปเปิ้ล, องุ่น, สับปะรด และอื่น ๆ)

อย่างไรก็ตามถ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้ Fruit หรือ Fruits ก็ใช้ Fruit ไปเลยก็ได้นะคะ

เรื่องที่น่าสนใจต่อมา คือ วิธีบอกว่า 'ฉันไม่เชื่อ' ในภาษาอังกฤษ
เมื่อเราอยากจะบอกคนที่เราสนทนาด้วยว่า คุณโกหกแน่ ๆ ฉันไม่เชื่อหรอก
จะมีวิธีการพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไรกันบ้าง มาติดตามรับฟังกันเลยค่ะ
You're kidding
หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า kidding ในประโยค Are you kidding me? คุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือเปล่า
แต่เมื่อมาอยู่ในประโยคนี้มีความหมายว่า คุณกำลังโกหกอยู่แน่ ๆ หรือคุณกำลังแกล้งอำอยู่แน่ ๆ
(แบบไม่เป็นทางการ)
A:   I will marry him next month.
      (ฉันจะแต่งงานกับเขาเดือนหน้า)
B:   You're kidding.
      (คุณกำลังโกหกแน่ ๆ) —> ฉันไม่เชื่อคุณ

You're pulling my leg
สำนวนนี้มีความหมายว่า คุณกำลังอำฉันอยู่แน่ ๆ นอกจากนี้สำนวน pulling someone leg
ยังมีความหมายว่า พูดเล่น แกล้งแหย่เล่น ได้อีกด้วย

Ex. Stop pulling my leg.
     (หยุดแกล้งอำฉันได้แล้ว) —> ฉันไม่เชื่อคุณหรอก

He's stretching the truth
สำนวนนี้มีความหมายว่า พูดความจริงออกมาไม่หมด หรือพูดเสริมเติมแต่งให้เพี้ยนไปจากความจริงเดิม

Ava:   I've just divorced my husband.
         (ฉันเพิ่งจะหย่ากับสามีของฉัน)
Emma:  What happened?
          (เกิดอะไรขึ้น?)
Ava:   He's always stretching the truth.
         (เขามักจะพูดความจริงออกมาไม่หมดอยู่เสมอ) —> เขามักจะโกหกฉันตลอดเวลา
He's not telling the whole truth
ประโยคในข้อนี้มีความหมายเช่นเดียวกันกับประโยค He's stretching the truth นะคะ ซึ่งมีความหมายว่า
เขาไม่เล่า หรือไม่พูดความจริงทั้งหมดออกมา
Ex. Max was accused of not telling the whole truth about Prasert's death.
     (แม็กถูกกล่าวหาจากการไม่พูดความจริงทั้งหมดออกมาเกี่ยวกับการตายของประเสริฐ)
That's a pack of lies
ประโยคนี้หมายถึง โกหกแบบไม่มีความจริงอยู่เลยแม้แต่น้อย
Ex. The story about her luxury condo was a pack of lies!
      (เรื่องเกี่ยวกับคอนโดหรูของหล่อนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ)
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสำนวนและประโยคที่จะบอกกับชาวต่างชาติว่า 'ฉันไม่เชื่อ' ที่ได้นำมาฝาก
อย่าลืมนำไปฝึกพูดฝึกใช้กันดูนะคะ คนที่โกหกเราจะได้รู้ตัวว่าเราจับโป๊ะได้แล้ว               

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://www.trueplookpanya.com/

เดี๋ยวเราจะให้ท่านผู้ฟังพักฟังเพลงเพราะ ๆ ต่อ จากทางสถานี

แล้วกลับมาพบกับพวกเราในช่วงสุดท้ายของรายการ English around You ติดตามฟังกันให้ได้นะคะ

ว่าเราจะนำสำนวนอะไรมาฝากกัน อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะคะ

กลับมาพบกันต่อในช่วงที่ 2 ของรายการ English around You อีกแล้วนะคะ ทางคลื่น FM 89.5 MHz

สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คลื่นเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตค่ะ

การใช้ actually & really
การใช้ ACTUALLY ในภาษาอังกฤษ
actually ออกเสียง แอ็คชวล-ลิ
actually ทำหน้าที่คำกริยาวิเศษณ์ (adverb)
actually แปลว่า “จริง ๆ, อันที่จริง” (really ; in fact)
หลักการใช้
1. ใช้ actually เพื่อการเน้น ในกรณีนี้ actually จะวางอยู่ตำแหน่งกลาง ของประโยค
ตัวอย่าง
She stole a gold necklace. I actually saw her pick it up.
(หล่อนได้ขโมยสร้อยทอง ผมเห็นหล่อนหยิบมันขึ้นมาจริง ๆ)
The people who actually have power are the owners of big industries.
(คนที่มีอำนาจจริง ๆ ก็คือเจ้าของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่)

There is a beautiful view from this window. You can actually see the sea on a clear day.
(มีทิวทัศน์ที่สวยงามมากหากมองจากหน้าต่างบานนี้ออกไป คุณสามารถ แลเห็นทะเลได้จริง ๆ
ในวันที่อากาศแจ่มใส)

2. ใช้ actually เพื่อแสดงการไม่เห็นด้วย ในกรณีนี้ actually จะวางอยู่ในตำแหน่งต้น
หรือตำแหน่งท้ายของประโยค
ตัวอย่าง

“Money is not important.”
“If you are running a business, it matters a great deal, actually.”
เงินไม่สำคัญ
อันที่จริงถ้าหากคุณกำลังดำเนินธุรกิจอยู่ เงินถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“Here’s the 1,000 baht I owe you.”
“Actually you owe me 2,000 baht.”
นี่ครับ เงินจำนวน 1,000 บาทที่ผมเป็นหนี้คุณ
อันที่จริง คุณเป็นหนี้ผมอยู่ 2,000 บาท

การใช้ real และ really ?
การใช้ real และ really มีการใช้ที่เหมือนหรือ แตกต่างกันอย่างไร มาหาคำตอบกันเลยค่ะ

 really เป็น adverb มีความหมายว่า โดยแท้จริง, ตามความจริง, โดยจริงใจ
That's a really good idea.
(นั่นเป็นความคิดที่ดีจริงๆ)
This is a really nice place.
(นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ)
He really likes you.
(เขาชอบคุณจริงๆ)

 Really ? เป็นสำนวน หมายถึง จะจริงหรือ?, จะใช่หรือ?  และ เป็นคำอุทาน แสดงความประหลาดใจ
หรือ โกรธ ตื่นเต้น ฯลฯ ขึ้นกับส่วนประกอบอื่น ๆ
‘We're going to Japan next month.’ ‘Oh, really?’
('เราจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้า' 'โอ้ จริงเหรอ?')
‘She's resigned.’ ‘Really? Are you sure?’
(หล่อนลาออกแล้ว' 'จริงเหรอ? คุณแน่ใจไหม?')

 ส่วน real เป็น adjective มีความหมายว่า แท้จริง, มีตัวตน, ซื่อสัตย์
We have a real chance of success.
(เรามีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง)

It wasn't a ghost; it was a real person.
(มันไม่ใช่ผี มันเป็นคนจริงๆ)
 ข้อน่ารู้ ในภาษาไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะอเมริกัน real มักจะใช้ในลักษณะ adverb แทน really เช่น
     That was real nice.
     Ann cooks real well.
ซึ่งหลายตำราบอกว่าใช้ real แบบนี้ถือว่าผิดหลัก แต่เพื่อความปลอดภัยเราก็ใช้แบบถูกหลักแน่ ๆ
กันดีกว่านะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.engisfun.com/