.
ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รองศาสตราจารย์ ดร.สุมนมาลย์ เนียมหลาง รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี ผู้อำนวยการโครงการ และนายวิชิต เครือสุข รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการ รายละเอียดหลักสูตร และแนวทางการขับเคลื่อน Soft Power ผ่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้โครงการ “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (One Family One Soft Power: OFOS)” ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนทุกครัวเรือนสามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะอาชีพได้อย่างเท่าเทียม ด้วยระบบลงทะเบียนที่โปร่งใสและครอบคลุมทั่วประเทศ
.
สำหรับ หลักสูตร “อาหารไทยต้นตำรับเพื่อการประกอบอาชีพ” ได้รับการออกแบบให้ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจริง รวมกว่า 242 ชั่วโมง แบ่งเป็นการเรียนออนไลน์ 92 ชั่วโมง ผ่านระบบ OFOS และ DIPROM E-Learning และการฝึกอบรมภาคสนาม 150 ชั่วโมง ณ สถานที่จัดการอบรม โดยเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การเรียนรู้ทฤษฎีพื้นฐานอาหารไทย การคัดเลือกวัตถุดิบอาหารไทยต้นตำรับ การปรุงอาหารไทยต้นตำรับ 50 เมนูมาตรฐาน และเมนูที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยเพิ่มอีก 10 เมนู รวมถึงการถ่ายทอดศิลปะการจัดจาน เทคนิคการบริหารจัดการครัว การควบคุมคุณภาพอาหาร และความรู้ด้านมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหารตามหลักสากล
เมื่อจบการอบรม ผู้เข้าร่วมจะได้รับการประเมินทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจน ผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการรับรอง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 4 จาก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ซึ่งถือเป็นการรับรองในระดับสูงสุดด้านอาหารไทย สามารถนำไปใช้เป็นคุณวุฒิในการสมัครงานทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้ผู้ผ่านการอบรมได้รับการรับรองตาม มาตรฐานผู้สัมผัสอาหาร (Food Handler Standard) จากหน่วยงานด้านสาธารณสุข เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการประกอบธุรกิจอาหารในยุคปัจจุบัน
.
โครงการนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และกลไกสนับสนุนจากชุมชน เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านอาหารไทยให้สามารถนำไปใช้ได้จริงในเชิงพาณิชย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังสามารถทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” ที่เผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านอาหารไทยไปยังนานาประเทศ พร้อมทั้งช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารโลกในอนาคตอย่างแท้จริง
.
รายงานโดย อาทิตยา ปักกะทานัง











































