สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับศตวรรษที่ 21

ดร.พีระพล พูลทวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกระทรวงวิทยาศาสตร์ โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกันจัดตั้ง “วิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์” มีเป้าหมายเพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เชิงเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานวัตกรรมของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก 9 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในการพัฒนาการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ด้วยการนำรูปแบบการสอนที่บูรณากา รองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผนวกกับการสร้างทักษะทางวิชาชีพ อาทิ การสอนแบบ Project based Learning, Active Learning และ STEM Education ซึ่งในปีนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือทางวิชาการจากอีก 3 สถาบันการศึกษาชั้นนำ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตร การถ่ายทอดความรู้ การให้คำปรึกษาในการพัฒนานวัตกรรม และการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ดำเนินโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ มีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน วิทยาลัยเทคนิคพังงา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี

“ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ความสำคัญกับการเตรียมกำลังคนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ และนำพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน”