อาจารย์สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มทร.อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คิดค้นกระติกฆ่าเชื้อโควิด-19 หน้ากากอนามัย N95 ให้บุคลากรทางการแพทย์นำไปใช้เพื่อลดปัญหาหน้ากากขาดแคลน

ผศ.ดร.ศักดิ์ระวี ระวีกุล อาจารย์สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น นำเสนอแนวคิดการผลิต “กระติกฆ่าเชื้อไวรัส โควิด-19” หรือถังฆ่าเชื้อธนบัตร เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการใช้ฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัย N95 เพิ่มความมั่นใจในการปฏิบัติงานให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยได้ทดลองประยุกต์กระติก เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยอุปกรณ์ที่นำมาใช้ทำกระติกฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นหาได้ไม่ยาก เข้ากับสถานการณ์ในขณะนี้ ได้แก่ กระติกน้ำแข็ง, หลอดไฟ UVC เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ชุดบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ อุปกรณ์เซ็นเซอร์ รวมถึงชุดตากหน้ากากที่ประดิษฐ์จากพวงหนีบผ้าหรือไม้แขวนเสื้อแล้วแต่สะดวก ซึ่งการประกอบทำได้ง่ายๆ เพียงเจาะฝากระติกเพื่อยึดอุปกรณ์ไฟฟ้าและยึดติดให้แน่น สะดวกต่อการใช้งาน เมื่อจะใช้งาน ให้เสียบปลั๊กไฟตามปกติ หลอดไฟที่สว่างจะฆ่าเชื้อโรค (UVC 10 วัตต์ คลื่นรังสี 256 นาโนเมตร) เหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ใช้เพื่อฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 เนื่องจากเป็นหน้ากากเฉพาะ ทั้งวัตถุดิบและรูปทรงมีมุม ทำความสะอาดยาก หากนำมาฆ่าเชื้อในกระติกใช้เวลา 3-5 นาที จะฆ่าเชื้อไวรัสได้

ส่วนการทำความสะอาดหลังใช้งานแล้ว เพียงแค่ล้างและเช็ดแอลกอฮอล์ กระติกฆ่าเชื้อดังกล่าวมีต้นทุนต่ำประมาณพันกว่าบาทเท่านั้น จึงมีหลายหน่วยงานนำไปประยุกต์ใช้งาน ที่น่าสนใจคือสามารถใช้กระติกฆ่าเชื้อบนธนบัตรได้ เนื่องจากธนบัตรหรือเงิน มีการใช้เปลี่ยนผ่านมาหลายคน จึงถือเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยผลวิจัยว่าเชื้อโควิด-19 สามารถอยู่บนธนบัตรได้นานถึง 9 วัน แต่ถ้าหากมีกระติก “ถังฆ่าเชื้อธนบัตร” เพียงแค่หนีบธนบัตรและวางเงินเหรียญใส่ตะแกรงวางลงก้นกระติก เสียบปลั๊กไฟเพื่อฆ่าเชื้อตามปกติ ทิ้งไว้ 3-5 นาที ก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นสะอาดที่ธนบัตร แม้ธนบัตรจะยับมากขนาดไหน แต่ถ้าผ่านการฆ่าเชื้อจะสัมผัสได้ถึงความสะอาดทันที

แต่มีข้อควรระวังนิดเดียวคือ เมื่อเสียบปลั๊กฆ่าเชื้อครบเวลา ก่อนเปิดฝากระติกควรนำกระติกไปวางไว้ที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทสะดวกเปิดทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อระบายโอโซน ก่อนจะนำสิ่งที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาใช้งานตามปกติ

ท้ายนี้ ฝากให้ประชาชนนำหลักการและแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างจากความเสี่ยงติดเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิด-19.