Talk of the Town รอบบ้านเรา l ‘วิ่งลอยฟ้า’ ชิงถ้วยพระราชทาน ‘Thonburi Run’ เพื่อศิริราชมูลนิธิ

Talk of the Town รอบบ้านเรา l ‘วิ่งลอยฟ้า’ ชิงถ้วยพระราชทาน ‘Thonburi Run’ เพื่อศิริราชมูลนิธิ
– การเซ็นต์สัญญา MOU ระหว่าง Thamdee กับ KSL Corporation กับ Big Project นำเข้ารถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า
– ร่วมเดินทางสํารวจแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัด กาญจนบุรี เขตอําเภอเมืองและอําเภอทองผาภูมิ
.
ดำเนินรายการโดย คุณ จีระสุข ฃินะโชติ
.
ออกอากาศ [29 พฤศจิกายน 2565 ] ติดตามรับฟังได้ทาง #วิทยุราชมงคลธัญบุรี #RmuttRadio #รอบบ้านเรา

——————————————————————————————–
สวัสดีค่ะขอต้อนรับท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการรอบบ้านเรา (Talk of the Town ) ออกอากาศทุกวันอังคาร 04:00 -04:30
น. คลื่น fm 89.5 MHz สถานีวิทยุราชมงคลธัญบุรี พบกับจีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ
——————————————————————————–
ช่วงที่1. เรื่อง ‘วิ่งลอยฟ้า’ ชิงถ้วยพระราชทาน ‘Thonburi Run’ เพื่อศิริราชมูลนิธิ
เปิดรับสมัครแล้ว “กิจกรรมวิ่งครั้งสำคัญ” ทั้งสำหรับนักกีฬาสายวิ่ง และประชาชนทั่วไป “Thonburi Run # 1”
กิจกรรม “วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติเพื่อศิริราชมูลนิธิ” วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ชิงรางวัลถ้วยพระราชทาน
“สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”

.
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา “โรงพยาบาลธนบุรี” โดย นพ.ศิริพงศ์ เหลืองวารินกุล ผู้อำนวยการ และ
นพ.วชิรบุณย์ ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรม “Thonburi Run # 1” การแข่งขัน
“วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติเพื่อศิริราชมูลนิธิ” ซึ่งมีความสำคัญยิ่งคือเป็นโครงการสาธารณะกุศลเพื่อ “เฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในวโรกาสที่จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 68 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2566” พร้อมทั้งเป็นกิจกรรมที่ทาง
“โรงพยาบาลธนบุรี” มุ่งหวังเป็นสื่อกลางในการรณรงค์หารายได้เพื่อ “สนับสนุนภารกิจของศิริราชมูลนิธิ
ในการรักษาผู้ป่วยด้อยโอกาส” โดยจะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมแข่งขันวิ่ง “Thonburi Run # 1”
และเงินร่วมบริจาคจากผู้มีจิตกุศล ทูลเกล้าถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานศิริราชมูลนิธิ โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนศิริราชมูลนิธิ… สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/1664612/
.
กิจกรรมการแข่งขันวิ่ง “Thonburi Run # 1” นี้จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566
โดยใช้เส้นทางวิ่งเริ่มจากสวนพระราม 8 ขึ้นสะพานพระราม 8 ไปยังถนนยกระดับบรมราชชนนี
โดยแบ่งประเภทการวิ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ “วิ่งมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร”
ซึ่งสำหรับประเภทนี้ผู้ชนะเลิศชายและหญิงจะได้รับ “ถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” อีกทั้งผู้ที่เข้าเส้นชัยอันดับ 1-5 ทั้งชายและหญิง
ของแต่ละกลุ่มอายุที่มีการจัดแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม จะได้รับโล่เกียรติยศ และอีกประเภทการวิ่งคือ “ฟันรัน ระยะทาง 5
กิโลเมตร” ซึ่งจะมีเหรียญรางวัล “Thonburi Run” มอบให้แก่ผู้เข้าเส้นชัยทุกคน… สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/1664612/
.
ทั้งนี้ อัตราค่าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง “Thonburi Run # 1” คือ 600 บาท ซึ่งนอกจากเสื้อ
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ผู้สมัครทุกรายจะได้รับการคุ้มครองอุบัติเหตุโดย “ทิพยประกันภัย”
ระหว่างร่วมกิจกรรม นอกเหนือจากการที่ “โรงพยาบาลธนบุรี”
.
ได้เตรียมดูแลป้องกันปัญหาสุขภาพให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างรัดกุมพร้อมมูล และกิจกรรมนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก
“ฐานทัพเรือกรุงเทพ” ในการจัดกำลังพลร่วมดูแลพื้นที่ตลอดการจัดกิจกรรม ซึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งครั้งสำคัญ
“Thonburi Run # 1” ครั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook/ thonburirun หรือติดต่อ
Line@ thonburirun และลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมวิ่งได้ที่ www.thonburirun.com ทั้งนี้
ข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของ “กิจกรรมวิ่งครั้งสำคัญ” ครั้งนี้ทาง “เดลินิวส์”
จะมีการนำเสนอให้ได้รับทราบเพิ่มเติมเป็นลำดับ…. สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/1664612/
———————————————————————————————————————
.
ช่วงที่ 2.เรื่อง ตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมตุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นการลดมลพิษในอากาศ ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมผลักดันให้เกิดการลงทุน
ในยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ จนในที่สุดก็มีเอกชนสนใจนำเข้า จักรยานยนต์ไฟฟ้าในเบื้องต้น
เพื่อเป็นยานพาหนะส่งเสริมคุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ในโอกาศนี้นำโดยบริษัท ธรรมดี
ได้เล็งเห็นคุณประโยชน์ของการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อมและสนับสนุนยโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ
ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ในการนำเข้าจักรยานยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้
ผู้นำเข้าต้องการประชาสัมพันธ์แก่ผู้สนใจใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้างจึงต้องการจะส่งเสริมให้มีตัวแทนเพื่อประชาสัมพั
นธ์จักรยานยนต์ไฟฟ้าแก่ผู้สนใจทั่วไป
.
โอกาสนี้ พลเอกไชยเดช บุญรอด ที่ปรึกษาหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้เปิดงานแถลงข่าว
"การเซ็นต์สัญญา MOU ระหว่าง Thamdee กับ KSL Corporation" กับ Big Project
ตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท
นำเข้ารถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า เพิ่มศักยภาพโครงสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า
เพื่อลดมลภาวะทางอากาศและเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ
ในเบื้องต้น ต้องการขยายตัวแทนประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศประมาณ 300แห่ง ที่เป็นศูนย์จัดแสดง ทดสอบสินค้า
ศูนย์บริการ ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างสังคมแก่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงหลายตำแหน่ง หลายอัตรา
โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า5,000ล้านบาท
และเป็นการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เอกชนมีส่วนร่วม
จนเกิดประโยชน์ในเรื่องการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขยายตัว
เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์จักรยานยนต์ไฟฟ้าของเอกชนรายนี้ คุณรษิกา จิรัชฉณาณัณ หรือ น้อง “กาสะลอง”
กรรมการบริหารของ KSL Corporation ให้สัมภาษณ์
————————————————————————-

ช่วงที่ 3. เรื่อง ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวนาโดย คุณ เพลินพรรณ สุจริตกุล ที่ปรึกษาอาวุโส
นําสมาชิกสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวจากส่วนกลาง
.
ร่วมเดินทางสํารวจแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัด กาญจนบุรี
เขตอําเภอเมืองและอําเภอทองผาภูมิ

ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนและสํานักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี
.
กิจกรรมแรกเริ่มจากบ่ายวันที่ 19 พฤศจิกายน มีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาสี “กระดานยืนพาย” (Stand Up Paddle
Board) หรือ SUP ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดย นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนที่ร่วมกิจกรรม
“Rivae Kwai Sup Fun Fest 2022 ด้วยการพาย Sup Board จากจุดปล่อยตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรม
พายมาจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นกิจกรรมที่สร้างความตื่นเต้น
พร้อมกับชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ซึ่งมีความสวยงามตามธรรมชาติของสายน้ำ กิจกรรมการพาย Sup Board
นี้ได้รับความน่าสนใจและสร้างความสนุกสนานมากและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวถึงการกีฬาและการผจญภัยต่อยอดใ
ห้เกิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกแนวทางหนึ่ง
.
นอกจากนี้คณะสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ยังได้ไปชมต้นจาจุรียักษ์
มีกิ่งก้านสาขาที่สมมาตรเป็นทรงพุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นวงกว้างอายุกว่า 100 ปี จามจุรียักษ์ต้นนี้ถือเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่
ที่ให้ความร่มรื่นและสวยงามในเวลาเดียวกันเป็นจุดเช็คอินที่สาคัญของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ตาบลเกาะสําโรง
อําเภอเมืองกาญจนบุรี จากนั้นเราไปชม สกายว๊อลค์ ณ จุดตัดแม่น้ำแควน้อย แควใหญ่ มาบรรจบกัน และเป็นต้นน้ำของ
“ แม่น้ำกลอง” นอกจากจะเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำแควน้อย แควใหญ่ บรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลองแล้ว
ยังเห็นหอพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
ซึ่งเป็นบุคลสําคัญของจังหวัดกาญจนบุรี
.
ต่อมาวันที่ (20 พฤศจิกายน 2565) คณะเดินทางไปอําเภอทองผาภูมิ แวะชมน้ำตกสะพานลาว
น้ำตกอยู่ด้านหลังวัดสะพานลาว เดินเท้าไปเพียง 150 เมตร ถึงตัวน้ำตก น้ำตกแห่งนี้อยู่หมู่1 ตำบลสหกรณ์นิคม
อำเภอทองผาภูมิ ลักษณะน้ำตกหินปูนอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ น้ำจากป่าดิบแล้งในอุทยานฯ
รวมตัวกันเป็นลําธารไหลลงสู่พื้นที่ที่ต่ำกว่า ขั้นด้วยแนวหินปูนความสูงราว 2.5 เมตร เป็นแนวสโคปโค้งยาว 10 เมตรเศษ
น้ำตกสู่แอ่งเบื้องล่างและไหลต่อเป็นลาธารสู่ป่าที่อยู่ห่างออกไป บางช่วงผ่านหมู่บ้าน
ผ่านชมชนชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ พวกเราชื่นชมสายน้ำตกที่เป็นริ้วรอยเป็นเส้นสาย
ใยที่มีหินปูนหนุนรองท้องน้ำเกิดเป็นสายน้ำตกที่ชวนมอง
.
เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยมีฉากของน้ำตกอยู่เบื้องหลังห้อมล้อมด้วยผืนป่าที่ร่มรื่นจนไม่อยากจากลา
หลังจากนั้นเราเดินทางไปยังจุดชมวิวที่เรียกว่า “เนินสวรรค์” หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ศร.11
(เนินสวรรค์)จุดนี้มีทัศนียภาพที่งดงามด้วยมีการจัดภูมิทัศน์ที่มีทั้งไม้ดอกไม้ใบ จัดวางไว้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ
โดยมีสีสันเนินของชายเขา และทิวเขาที่อยู่ห่างออกไปในพื้นที่อุทยานฯ
.
และแนวขอบฟ้าที่เป็นองค์ประกอบของจุดชมวิวแห่งนี้อยู่นานใจากมา แต่ขอสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเธอ ณ สถานที่แห่งนี้อีก
หลังรับประทานอาหารกลางวัน คณะชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว เดินทางเข้าสู่ บ้านอีต่อง
ตําบลปิล็อกทองผาภูมิ ความสําคัญของสถานที่แห่งนี้คือแหมืองแร่ที่มีทั้งวุลแฟรมและดีบุก
และทังสเตนจนมีชาวบ้านทั้งพม่า มอญ กระเหรี่ยง และคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย–พม่า มาขุดแร่
และนําไปขายให้ทหารอังกฤษในยุคก่อนสงครามและมีการช่วงชิงการขุดหาสินแร่ ถึงมีคนล้มตายกันจานวนมาก
.
จนเป็นที่กล่าวขานถึงอาถรรพณ์ เมื่อผู้คนล้มตายและเริ่มล้างผู้คนจนเรียกกันว่า “เหมืองผีหลอก”
และก็เพี้ยนมาเป็นเหมือง “ปิล๊อก” เข้าใจว่าเป็นภาษาที่คนท้องถิ่นออกเสียงเพี้ยนไปเอง
ต่อมาปี 2481 ทางราชการไทยมาสํารวจแหล่งแร่ที่ ปิล๊อกและเปิดทําเหมืองเป็นทางการเมื่อ 2484
จนมีคนหลั่งไหลเข้ามาอีกและมาเป็นคนงานเหมืองมาขุดหาแร่เองบ้างจนมีเงิน ร่ำรวยออกไป และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า
“ณัตเอ็งต่อง” แปลว่าบ้านเทพเจ้า ต่อมาคนท้องถิ่นเรียกเพี้ยนไปอีกจนเป็น “บ้านอีต่อง” ถึงทุกวันนี้
จนปี 2528 เกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำ ผู้คนไม่มาทําเหมือง จนเหมืองถูกทิ้งล้าง แต่ด้วยความที่เป็นชุมชนเมื่อตอนตืนแร่
จึงทําให้บ้านอีต่องเป็นชุมชนขนาดใหญ่และยังมีผู้คนอาศัยอยู่ทั้งทําไร่ ทํานา ค้าขาย ด้วยการเก็บของป่าขาย
จนถึงกระแสท่องเที่ยวบูม บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก
.
จึงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวเนื่องจากอยู่ในหุบเขาลายล้อมด้วยป่าเขาพื้นที่สูง 600–800 เมตรเศษจากระดับน้ำทะเล
บ้านอีต่อง จึงมีอากาศเย็นสบายและอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจึงไปเที่ยว
อาบลมห่มหนาวที่บ้านอีต่องกันมาก
.
สำหรับจุดที่หน้าสนใจคือ จุดชมวิวบนเนินช้างศึกที่อยู่บนจุดสูงสุดของบ้านอีต่อง ระดับความสูงประมาณ 870 เมตร
จากระดับน้ำทะเลเป็นเนินที่ต้องสอดส่องเพื่อความมั่นคงในเขตชายแดน เนินช้างศึกเป็นจุดจบเขตแดนประเทศไทย
พ้นจากสันเนินจะเป็นดินแดนประเทศเมียนมาร์ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเนินช้างศึกคือ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก
พระอาทิตย์ขึ้นในสถานที่เดียวกันรวมทั้งทะเลหมอกทั้งยามเช้า ยามเย็น เป็น
.
ภาพที่ชวนมองทั้งแสง สี ของดวงทินกร ยามโผล่จากขอบฟ้าและลับขอบฟ้า นักท่องเที่ยวชอบกันมาก
ยิ่งช่วงฤดูหนาวจะได้อาบอิ่มกับกลิ่นอายของลใหนาวบนยอดเนินช้างศึกแห่งนี้ มิรู้ลืม
เช้าวันถัดมาเราไปทําบุญกุศลกันที่วัดเหมืองปิล๊อกที่อยู่ติดบ้านอีต่อง ฟังเทศน์ฟังธรรมจากเจ้าอาวาสถึงการตั้งสติ
การเจริญภาวนาจิตให้มุ่งมั่น เพื่อพิจารณาสิ่งดีสิ่งไม่ดี พิจารณาสิ่งที่เป็น อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรจ มรรค
ซึ่งทําให้เข้าใจการดํารงชีวิตที่ปราศจากความโลภ โกรธ หลง ทําบุญอุทิศส่วนอุศลให้กับผู้ที่เคารพรักกันแล้วจึงไปเที่ยวต่อ
หลังอาหารเช้าเราเดินทางไป น้ำตก “จ๊อกกระดิ่น” อยู่ห่างจากบ้านอีต่องประมาณ 3 กิโลเมตร
มีป้ายทางหลวงบอกเลี้ยวซ้ายลงไปอีก 2.8 กิโลเมตร น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นคําเพี้ยนมาจากภาษาพม่า จากเดิมคือ
“ก๊อกกระด่าน” จ๊อกหรือก๊อก หมายถึงหิน ส่วนกระดิ่นหรือกระด่านหมายถึง “น้ำตก” จึงมีความหมายรวมกันว่า
“น้ำตกไหลผ่านซอกหินผา” มีแหล่งกําเนิดเป็นน้ำที่ผุดขึ้นจาก ภูเขาอีปู่ตั้งอยู่ในพื้นที่เหมืองทังสเตนไหลผ่านหมู่บ้าน
ความสูงของน้ำตกประมาณ34 เมตร พื้นที่น้ำตกอยู่สูงจากระดับน้าทะเลปานกลาง 727 เมตร มีความยาวประมาณ 3
กิโลเมตร ว่ากันว่าใครมาอาบ มาเล่นที่น้ำตกแห่งนี้เหมือนกับได้อาบน้ำแร่
จากจุดจอดรถดินเข้าไปชมน้ำตกประมาณ 350 เมตร
.
มีขึ้นเนินเล็กน้อยพอหายเหนื่อยเดินข้ามสะพานลําธารก็ถึงตัวน้ำตกที่มีน้ำจากผาสูงไหลผ่านซอกหิน
เบื้องล่างมีแอ่งน้ำใหญ่รองรับและไหลลงออกสู่ลาธารไปตามป่าและลงสู่แควน้อยต่อไป บรรยากาศบริเวณน้ำตก
มีทักท่องเที่ยวไปชมกันมานักท่องเที่ยว ส่วนมากจะไปชมน้ำตกกันเมื่อออกจากบ้านอีต่อง ในภาพรวมน้ำตกจ๊อกกระดิ่น
อยู่บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นจุดเช็คอินอีกจุดหนึ่งบนเส้นทางปิล๊อก–ทองผาภูมิ

จากน้ำตกไปอีกไม่ไกลถึงจุกชมวิวของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่มีอยู่ 3 จุด คือ เนินกุดดอย
เนินช้างเผือกและเนินช้างพลาย ทั้ง 3 จุด
อยู่ไม่ไกลจากกันทางอุทยานจัดทำลานชมวิวให้มีพื้นที่ถ่ายรูปและมองทิวทัศน์ในมุมกว้างซึ่งเป็นทะเลหมอกและทะเลสาบจ
ากเขื่อนวชิราลงกรณ์และภายในจุดชมวิวเต็มไปด้วยร่มเงาของแมกไม้จานวนมากร่มเงานี้เอง
ทำให้จุดชมวิวแห่งนี้ร่มรื่นอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ขณะเดียวกันทัศนียภาพจากทิวทัศน์
เบื้องหน้าตั้งแต่ปลายฟ้าสีครามกับขอบสันเขาที่คู่เคียงกับท้องน้ำทะเลสาบจากเขื่อนวชิราลงกรณ์
ชมวิวพร้อมกับถ่ายรูปเป็นสิ่งที่ทาให้ชีวิตดูอิสระไร้พรมแดนยามนั้น
ออกจากจุดขมวิวของอุทยานเราเดินชมทิวทัศน์บนสันเขื่อนวชิราลงกรณ
ซึ่งได้ชมท้องน้ำอันกว้างใหญ่ของเขื่อนที่มีความยาว 10–19 เมตร มีความสูง 2 เมตร ระดับความจุของน้ำเต็มเขื่อนที่
8,860 ล้านลูกบาศร์เมตร
เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนเอนกประสงค์อยู่ใรความควบคุมดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้เพื่อนําแรงดันน้าที่ปล่อยสู่ลงน้ำแควน้อย ให้ผ่านกังหันเทอร์ไบน์ผลิตกระแสไฟฟ้าให้ประเทศ
ขณะเดียวกันเขื่อนแห่งนี้ก็ส่งน้ำให้เกษตรกร แหล่งประมงทางธรรมชาติ รวมทั้งมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
จึงทําให้เขื่อนแห่งนี้เอื้อประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศโดยรอบล่องเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบเหนือเขื่อน
สลับกับทิวเขาน้อยใหญ่ ที่อยู่สองฝากฝั่งของทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ
ยังมีจุดชมวิวสกายว๊อลค์ที่อยู่ภายในเขื่อนที่ตกแต่งด้วยไม้ประดับที่เป็นไม้ดอกไม้ใบดูมีสีสันชวนมอง
จุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องเข้าไปเช็คอิน
.
หลังอาหารกลางวันเราไปกันที่บ่อน้ำพุร้อนลิ่นถิ่นที่เป็นบ่อน้าพุร้อนผุดขึ้นตรงชายตลิ่ง แม่น้ำแควน้อย หมู่ 6 ตําบลลิ่นถิ่น
อําเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี บ่อตรงชายตลิ่งลึกประมาณ 12 เมตร มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาตลอด อุณหภูมิ 58 องศาเซลเซียส
ทางนายกเทศมนตรี คุณพันธ์ทิพย์ นวลไทย ดูแลบ่อน้ำร้อนแห่งนี้
ปัจจุบันนำน้ำร้อนผสมกับน้ำประปาสะอาดจัดทำเป็นบ่อแช่เท้าอุณหภูมิ 40°C มีบ่อลงแช่อาบทั้งบ่อผู้ใหญ่ บ่อเด็ก
อุณหถูมิอยู่ที่41–42°C นอกจากนี้ยังปรับปรุงภูมิทัศน์ดูสวยงาม ร่มรื่น พื้นที่โดยรวมดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
นักท่องเที่ยวใช้บริการ อาบน้ำร้อนได้ ค่าบริการคนละ 20 บาท น้ำพุร้อนที่นี่ไม่มีกลิ่นกํามะถัน ใสสะอาด
เหมาะมากที่จะลงแช่อาบเพื่อสุขภาพ การเดินทางสํารวจแหล่งท่องเที่ยวของ ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
โดยสํารวจแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยวทั้งในเขตอําเภอเมือง อําเภอทองผาภูมิครั้งนี้มีสื่อมวลชนหลายสาขา
ทุกคนได้ข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง พร้อมนําเสนอให้กับนักท่องเที่ยวได้รับทราบและเป็นข้อมูลการเดินทางต่อไป
ในภาพรวมประทับใจจนต้องหวนกลับไปอีกแน่นอน
.
ขอขอบคุณ – ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ชสท.)
ขอขอบคุณ- คุณ กันตพงษ์ ธนเนืองโรจน นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขอขอบคุณ- นางสาวสรียา บุญมาก ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี

ขอบคุณสื่อมวลชนในทริปนี้ทุกสำนัก
จีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ