Talk of the Town รอบบ้านเรา l อุตรดิตถ์ เมืองหุบเขากินได้ ตะลุยสวน กินทุเรียน หลง หลินลับแล

สวัสดีค่ะขอต้อนรับท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการรอบบ้านเรา (Talk of the Town ) สถานีวิทยุราชมงคลธัญบุรี พบกับจีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ นำเสนอข้อมูลข่าวสาร บทสัมภาษณ์พิเศษของบุคคล รวมทั้งฟังบทเพลงจากทางรายการฯ ขอเชิญมาติดตามดังรายละเอียดต่อไป
.
ช่วงที่ 1 นำเสนอสารคดีเรื่อง ลุงขาวไขอาชีพ ตอนที่ ……. เป็นที่ทราบกันว่า ลุงขาวไขอาชีพ หรือ วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ นักธุรกิจ นักประชาสัมพันธ์ นักพูด นักประดิษฐ์ นักสังคมสงเคราะห์ และนักเขียนชาวไทยมีผลงานมากมาย เช่น ทำให้คนมีงานมีอาชีพ ด้านงานเพื่อสังคม เส้นทางนักประดิษฐ์
(ที่มา หนังสือลุงขาวไขอาชีพ หนึ่งคนคิดหลายชีวิตเติบโต พิมพ์ครั้งที่ 4 ) มาติดตามกันค่ะ
.
ช่วงที่ 2 นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง ในโอกาสเดินทางกิจกรรม ชวนสัมผัส เมืองรอง…ที่ไม่เป็นรองใคร @ อุตรดิตถ์ เมืองหุบเขากินได้ ตะลุยสวน กินทุเรียน หลง หลินลับแล ร่วมงานอัฐมีบูชา ณ วัดพระธาตุทุ่งยั้ง ระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน 2566 นำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ และนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย โดยมีคณะสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางโดยพร้อมเพรียงกัน มาติดตามรับฟังกันตามลำดับ…….
.
ช่วงที่ 3 บทสัมภาษณ์พิเศษ นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ประเด็นในมิติ การสร้างอาชีพ สร้างสังคม ชุมชนเข้มแข็ง ……….
.
ช่วงที่ 4 บทความเรื่อง ขิง สรรพคุณและประโยชน์ของขิง 65 ข้อ ! แต่วันนี้นำเสนอโดยย่อดังนี้
ขิงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น
ประโยชน์ของขิง ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการป้องกัน ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้ในการรักษามะเร็ง ดังนั้นควรรับประทานขิงควบคู่ไปกับการรักษามะเร็งจะเป็นผลดี ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยในการขับเหงื่อ ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสด ๆ นำมาทุบให้แหลกประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำดื่ม ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงบ่อย ๆ ช่วยลดความอยากของผู้ติดยาเสพติดลงได้ แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมารับประทาน ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำดื่ม ช่วยบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง ช่วยบรรเทาอาการของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นมัว (ดอก) ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาหลังคลอดบุตร ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก) ใช้บำรุงน้ำนมของมารดา (ผล) ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้ ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ บรรเทาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหน่อย ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้ แก้ลม (ราก)
.
เรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารและทำเครื่องดื่ม ซึ่งจริง ๆ แล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆได้สารพัด ถือว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวในการบำบัดรักษาโรค ควรจะทำอย่างอื่นหรือดูแลสุขภาพของเราร่วมด้วยจะได้ผลดีนักแล เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และยังมีใยอาหารมากขึ้นตามไปด้วย แต่เนื่องจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เช่นผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกเวลากลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แต่ถ้าจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ (ขอบคุณขาวละออเภสัช)
(แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)
.
เมดไทย เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/%e0%b8%82%e0%b8%b4%e0%b8%87/ | Medthai)
.
ช่วงที่ 5 แหล่งท่องเที่ยวเมืองสุพรรณบุรี เช่น วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หมู่บ้านมังกรสวรรค์ สวนเฉลิมภัทรราชินี และ หอคอยบรรหาร – แจ่มใส ตั้งอยู่ถนนนางพิม ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี , พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทย
.
วันนี้ทางรายการของเรา ฯ ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีที่น่าสนใจ มาแนะนำกันค่ะ ซึ่งอาจจะมีท่านผู้ฟังหลายท่านเคยไปเยี่ยมชมกันมาบ้างแล้ว ใครที่กำลังมองหา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ เดินทางไปง่ายๆ มีอะไรให้เที่ยวมากมาย ลองแวะไปเที่ยว จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีคำขวัญที่ว่า สุพรรณบุรี เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง
เรามาเริ่มกันที่ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตั้งอยู่ที่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ วัดนี้ประชาชนนิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อโต” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารสูงเด่นเห็นแต่ไกล เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ องค์พระสูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ทุกๆ ปีจะมีงานสมโภชและนมัสการหลวงพ่อโต 2 ครั้ง คือ ในวันขึ้น 7 – 9 ค่ำ เดือน 5 และเดือน 12 นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีร้านขายสินค้าที่ระลึกให้แวะเลือกซื้อเลือกชม โดยเฉพาะปลาสลิด ปลาช่อนตากแห้ง ด้านหลังวัดมี “คุ้มขุนช้าง” ซึ่งสร้างเป็นเรือนไทยไม้สักหลังใหญ่ ตามบทพรรณนาวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ตั้งอยู่ตำบลรั้วใหญ่ เมืองสุพรรณบุรี เป็นสถานที่สักการบูชาทั้งชาวไทยและชาวจีนจากทั่วสารทิศที่เดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าพ่อหลักเมือง เป็นพุทธประติมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน แบบศิลปะเขมรอายุราวๆ 1,300 – 1,400 ปี มีพระนามว่า “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” หรือที่เรียกกันว่า “พระนารายณ์สี่กร” ในทุกปีของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 (ตามปฏิทินของจีน) จะมีการจัดประเพณีทิ้งกระจาดของจังหวัดสุพรรณบุรี
.
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นสถานที่นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่ยาวนานถึง 5,000 ปี ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้รูปแบบมังกรสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันดี ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่สมัยตำนานการสร้างโลกยุคแรกเริ่มทางประวัติศาสตร์ และการแสดงประวัติความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย เรื่องราวที่นำเสนอ ประกอบด้วย เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญ ปรัชญา ภูมิปัญญา และการค้นพบประดิษฐกรรมสำคัญของบรรพบุรุษชาวจีน โดยผ่านสื่อจัดแสดงที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ วันพุธ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. โดยเปิดทำการทุกวันพุธ – ศุกร์ และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปิดทำการทุกวันจันทร์ และวันอังคาร อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 299 บาท เด็ก 149 บาท ผู้สูงอายุ 149 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 499 บาท เด็ก 299 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 035 – 526211 – 2
หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นสถานที่จำลองในรูปแบบของหมู่บ้าน จาก “เมืองลี่เจียง” ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณที่สวยงามและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลก ที่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งภายในหมู่บ้านแห่งนี้ออกแบบได้อย่างสวยงามเหมือนเดินเข้าไปในหมู่บ้านลี่เจียงของเมืองจีนจริงๆ มีร้านขายสินค้า และของที่ระลึก (ร้านสำเพ็ง) โรงหนัง โรงนวด โรงเตี๊ยม ร้านอาหาร และมีปฏิมากรรมที่งดงามอย่างเสามังกรฟ้า จากเมืองฉงอู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และกังหันพ่อ – ลูก มีหอชมวิว 360 องศา ที่จะได้เห็นทิวทัศน์โดยรอบของอุทยานมังกรสวรรค์
.
สวนเฉลิมภัทรราชินี และ หอคอยบรรหาร – แจ่มใส ตั้งอยู่ถนนนางพิม ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง เป็นสวนสาธารณะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บริเวณภายในสวนมีสถานที่ต่างๆ ให้ชม ได้แก่ หอคอยบรรหาร – แจ่มใส ซึ่งเป็นหอคอยชมวิวแห่งแรก และสูงที่สุดในประเทศไทย จะมองเห็นโดดเด่นอยู่ใจกลางเมือง มีความสูงถึง 123.25 เมตร มีอาคารแสดงผลงานของ ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา มีสวนน้ำ พร้อมสไลเดอร์ สวนลายไทย สวนดอกไม้ สนามเด็กเล่น น้ำพุดนตรี และสนามออกกำลังกาย ฯลฯ สวนเฉลิมภัทรราชินี และหอคอยบรรหาร – แจ่มใส เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ ตามวัน และเวลาดังนี้ วันอังคาร – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.30 น. ค่าบริการเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท อัตราค่าขึ้นชม (หลัง 18.00 น.) ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 035 – 524060 – 4 และสำนักงานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี โทร. 035 – 523090, 035 – 511021
.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทย ตั้งอยู่ในศูนย์ราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ตำบลสนามชัย เมืองสุพรรณบุรี สถาปัตยกรรมเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ ๒ ชั้น ภายในอาคารมีการจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตการทำนา ร่องรอยของข้าวจากอดีต การทำนา ฤดูกาลปลูกข้าจากคันไถสู่ควายเหล็ก การจัดแสดงวีดีทัศน์เกี่ยวกับพัฒนาการของการทำนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนาแบบดั้งเดิม มีห้องพระบารมีปกเกล้าชาวนาไทย ห้องทวยราษฎร์ แซ่ซ้องรอเวลา ห้องพระเสด็จมาโปรดฯ ชาวนาไทย ห้องประเพณีและวิถีชีวิตของชาวนาไทย ห้องจัดแสดงปฏิทินชาวนาเพื่อให้เห็นว่าในหนึ่งรอบปี ชาวนามีวิถีการดำรงชีวิต และพิธีกรรมความเชื่ออย่างไร ห้องจัดแสดงหุ่นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา รวมทั้งมีวีดีทัศน์เพลงพื้นบ้านที่เกี่ยวกับการทำนา ซึ่งปัจจุบันหาฟังได้ยาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทยสุพรรณบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์ วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. โทร. 035 – 536113
ขอบคุณข้อมูลโดย ผู้อำนวยการสำนักงาน นายอภิวัฒน์ ทับทิมโต , ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :เพจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี : TAT Suphanburi Office,91 ถ.พระพันวษา ต.ท่าพีเลี้ยง, Suphan Buri, Thailand, Suphan Buri โทรศัพท์ 035 525 880 ,ขอบคุณข้อมูลหนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์” ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
.
ช่วงที่ 6 ตอน : ข้าวคลุกกะปิ อาหารประยุกต์จากข้าวเย็นก้นหม้อปรุงเป็น อาหารจานอร่อย
.
วิธีทำ นำข้าวเย็นกันหม้อที่เหลือ 1 จาน (พอ1อิ่ม) นำมาบี้เบาๆไม่ให้จับกันเป็นก้อน เสร็จแล้วพักไว้
จากนั้นตักกะปิอย่างดี 1.5ช้อนโต๊ะ ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันบางๆพอติดกะทะไม่ต้องให้ไฟร้อนมาก ผัดกะปิ พอแตกกลิ่น ใส่น้ำให้พอขลุกขลิกใส่น้ำตาลทราย1.5ช้อนชา ละเลงให้เข้ากับเนื้อกะปิ เติมกุ้งแห้งป่น 1.5 ช้อนโต๊ะ ชิมดูให้รสเค็ม หวานกลมกล่อม(ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำปลา เพราะกะปิกับกุ้งแห้งเค็มพอเหมาะอยู่แล้ว) เติมน้ำได้นิดหน่อย จากนั้นนำข้าวลงคลุกให้เข้ากัน จะได้ข้าวคลุกกะปิ เตรียมใส่เครื่องเคียงต่างๆ
เครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ
.
หมูหวาน วิธีทำ ใช้หมูสามชั้น หรือสันคอ หั่นเป็นชิ้นบางๆ ติดมันนิดหน่อย ราว10-12 ชิ้นแล้วแต่ถ้าชอบก็ใส่มากหน่อยได้ นำลงกะทะต้มน้ำขลุกขลิกพอหมูเริ่มสุก ใส่น้ำตาลปีบราว1ช้อนโต๊ะ พร้อมน้ำปลา2ช้อนชา เคี่ยวไปกับหมูไฟอ่อนๆถ้านัำแห้งเติมได้นิดหน่อยจนน้ำปรุงรสเหนียวและ ให้รสชาติอมหวาน อมเค็ม ตักใส่ถ้วยเล็กพักไว้
.
จากนั้นทอดใข่เจียว(ใม่ต้องปรุงรสไข่เจียว)ใช้น้ำมันน้อยๆเลี่ยๆกะทะ และเทไข่ ลงกะทะให้เสมอกันบางๆไฟไม่ต้องแรง กลับ1ครั้งพอไข่สุกตักลงชาม พอไข่เย็นลงหั่นเป็นเส้นแล้วพักไว้ จากนั้น ทอดกุนเชียง(พอประมาณ) กุ้งแห้งทอด เสร็จแล้ว สับมะม่วงดิบเปรียว ซอยหอมแดง และพริกขี้หนู ทั้งนำลงภาชนะ เตรียมเป็นเครื่องเคียงข้าวคลุกกะปิ โดย นำข้าวที่คลุกกะปิไว้แล้วลงจาน พร้อมตักหมูหวาน กุนเชียง กุ้งแห้งทอด ไข่เจียวซอยเสัน หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอยลงจานข้าว พร้อมเสริฟ จะยุ่งตอนเตรียมเครื่องแต่ก็สนุกและเพลินดี ทำเองอร่อยถูกปากเราอีกต่างหาก เพียงเท่านี้ก็ชุปชีวิตข้าวเย็นกันหม้อให้มีมูลค่าได้อย่างประหลาด ลองทำดูกันนะคะ
.
ข้าวคลุกกะปิ วัฒนธรรมอาหารไทย จากภูมิปัญญา ผสมผสานเครื่องปรุงใกล้ตัว เป็นอาหารจานเดียวยอดนิยมจากอดีตถึงปัจจุบันก็ยังติดปากคนไทยมาโดยตลอด และที่เรียกว่าภูมิปัญญาอาหารไทย เพราะมีเครื่องปรุงที่มาจากการถนอมอาหาร ทั้ง กะปิ กุ้งแห้ง กุนเชียง กุนเชียงเป็นวัฒนธรรมการถนอมอาหารของจีนก็ตามแต่กุนเชียง ก็ผสมผสานกับอาหารไทยได้หลายเมนู รวมทั้งข้าวคลุกกะปิด้วย และนี่ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งทุกคนชื่นชอบไม่เสื่อมคลาย
.
ช่วงที่ 7 บทเพลง “นางฟ้าจำแลง”
จีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ