Talk of the Town รอบบ้านเรา l “จุรินทร์”มอบรางวัลประกวดพันธุ์ข้าวปี 66 ลุยผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ทะลุเป้า

สวัสดีค่ะขอต้อนรับท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการรอบบ้านเรา (Talk of the Town )
สถานีวิทยุราชมงคลธัญบุรี พบกับจีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ นำเสนอข้อมูลข่าวสาร
บทสัมภาษณ์พิเศษของบุคคล รวมทั้งฟังบทเพลงจากทางรายการฯ
ขอเชิญมาติดตามดังรายละเอียดต่อไป

—————————-
ช่วงที่ 1 นำเสนอสารคดีเรื่อง ลุงขาวไขอาชีพ ตอนที่ ……. ติดตามบทสัมภาษณ์พิเศษ ดร. วัชรพงษ์ พงษ์บริบูรณ์
ประธานมูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ…….เป็นที่ทราบกันว่า ลุงขาวไขอาชีพ หรือ วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ นักธุรกิจ นักประชาสัมพันธ์
นักพูด นักประดิษฐ์ นักสังคมสงเคราะห์ และนักเขียนชาวไทยมีผลงานมากมาย เช่น ทำให้คนมีงานมีอาชีพ ด้านงานเพื่อสังคม
เส้นทางนักประดิษฐ์ (ที่มา หนังสือลุงขาวไขอาชีพ หนึ่งคนคิดหลายชีวิตเติบโต พิมพ์ครั้งที่ 4 )
ช่วงที่ 2 บทความเรื่อง ขิง สรรพคุณและประโยชน์ของขิง 65 ข้อ ! แต่วันนี้นำเสนอโดยย่อดังนี้
ขิงจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน
เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายของเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2
วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต
และเส้นใยจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก
แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น
ประโยชน์ของขิง ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก
ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการป้องกัน ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้ในการรักษามะเร็ง ดังนั้นควรรับประทานขิงควบคู่ไปกับการรักษามะเร็งจะเป็นผลดี
ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยในการขับเหงื่อ ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสด ๆ
นำมาทุบให้แหลกประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำดื่ม ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล
ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน
ด้วยการรับประทานน้ำขิงบ่อย ๆ ช่วยลดความอยากของผู้ติดยาเสพติดลงได้ แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย
ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมารับประทาน ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง ช่วยบรรเทาอาการของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นมัว (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาหลังคลอดบุตร ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า)
ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ
(เหง้า, ดอก) ใช้บำรุงน้ำนมของมารดา (ผล) ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง ใช้แก้ไข้ (ผล)
ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3
ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้ ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ บรรเทาหวัดจับเสมหะ

ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหน่อย ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้ แก้ลม
(ราก)
เรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารและทำเครื่องดื่ม ซึ่งจริง ๆ
แล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆได้สารพัด ถือว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้เลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวในการบำบัดรักษาโรค
ควรจะทำอย่างอื่นหรือดูแลสุขภาพของเราร่วมด้วยจะได้ผลดีนักแล เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน
จึงมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และยังมีใยอาหารมากขึ้นตามไปด้วย แต่เนื่องจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น
จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เช่นผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกเวลากลางคืน ตาแดง
หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แต่ถ้าจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ (ขอบคุณขาวละออเภสัช)
(แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)
เมดไทย เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร
แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/%e0%b8%82%e0%b8%b4%e0%b8%87/ | Medthai)
—————–
ช่วงที่ 3
(3.1)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นักวิจัย
ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ,กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(3.2) นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ Honorary Presidentสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย Thai Rice Exporters
Association มอบรางวัลการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ พร้อมนำนโยบายตลาดนำการผลิต
ผลักดันข้าวไทยพันธุ์ใหม่ออกไปแข่งขันในตลาดโลก ได้กรุณาให้สัมภาษณ์พิเศษ (บทสัมภาษณ์พิเศษSpecial Interview)
ตามลำดับ…………………….
ข่าว /“จุรินทร์”มอบรางวัลประกวดพันธุ์ข้าวปี 66 ลุยผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ทะลุเป้า แค่ 3 ปี ได้ 21 พันธุ์
เดินหน้าพาไทยกลับมาครองที่ 2 ตลาดข้าวโลก ลั่น!ปี 66 ส่งออกข้าวไทยทะลุ 8 ล้านตัน

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 เวลา 14.30 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายรณรงค์
พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ข้าวไทย นักวิจัย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
มอบรางวัลการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 2 พร้อมชูนโยบายตลาดนำการผลิต
ผลักดันข้าวไทยพันธุ์ใหม่ออกไปแข่งขันในตลาดโลก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยกำเนิดยุทธศาสตร์ข้าวไทยขึ้นในปี 2563-2567
ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐประกอบด้วยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภาคเอกชน
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ข้าวไทยและอีกหลายสมาคม เกษตรกรและนักวิจัย
เราจะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาดของข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก ใช้ยุทธศาสตร์
“ตลาดนำการผลิต” มุ่งพัฒนา 4 ด้าน ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ การผลิตและการแปรรูป

รวมไปถึงการสร้างนวัตกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ จะเร่งผลิตข้าวที่มีความหลากหลายเพื่อสนองความต้องการตลาดโลก
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลก
ประเทศไทยมีจุดอ่อนคือขาดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในตลาดข้าวโลก เป็นจุดอ่อนสำคัญ
โดยเร่งเพิ่มพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ เพื่อแข่งขันตลาดข้าวโลกกับประเทศคู่แข่ง ตั้งเป้า 5 ปี เพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่อย่างน้อย 12 พันธุ์
เป็นข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอม 2 พันธุ์ และข้าว โภชนาการสูง 2 พันธุ์
ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ทุกภาคส่วน ทำให้เราปรับปรุงพันธุ์ข้าวได้ข้าวพันธุ์ใหม่เกินเป้าหมาย ช่วงปี 63-65
กรมการข้าวปรับปรุงข้าวพันธุ์ใหม่และรับรองพันธุ์สำเร็จแล้ว 12 พันธุ์ และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จัดประกวดพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ ทำมา 2 ปี ครั้งแรก ปี 64 ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ 6 สายพันธุ์ มีการรับรองพันธุ์ทดลองปลูกในแปลง
ปีนี้เป็นปีที่ 2 ได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มมาอีก 3 พันธุ์ ภายใน 3 ปี 63-65 วันนี้ทะลุเป้าแล้ว รวมกับของกรมการข้าว อีก 12 พันธุ์
รวมทำข้าวพันธุ์ใหม่ได้แล้ว 21 พันธุ์ ทะลุเป้าทั้งเชิงปริมาณจำนวนพันธุ์ข้าวและเงื่อนเวลาเร็วกว่าเป้าปี 67
ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนสำคัญจากนี้จะฝากกรมการข้าวและกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์
ช่วยกันสนับสนุนให้เกิดขึ้นต่อไป
และขอให้กรมการข้าวเร่งรัดการจดทะเบียนข้าวพันธุ์ใหม่จากการตัดสินการประกวดวันนี้โดยเร็ว เร่งผลิตเมล็ดพันธุ์
ทดลองปลูกในแปลงเกษตรกร นำผลผลิตไปเปิดตลาดข้าวโลกต่อไป ตนหวังว่าการส่งออกข้าวไทยจากนี้จะดีขึ้น
ไทยจะมีผลิตภัณฑ์จากข้าวที่มีความหลากหลายขายตลาดโลกมากขึ้น
“ปีที่แล้วเราส่งออกข้าวได้ 7.7 ล้านตัน ปีนี้เชื่อว่าทะลุ 8 ล้านตัน การที่มีความหลากหลายของข้าว
ไปจำหน่ายมากขึ้นจะช่วยทำให้ตัวเลขเหล่านี้ดีขึ้น และประเทศไทย ปีนี้จะกลับมาผงาดเป็นลำดับที่ 2 อีกครั้งหนึ่งสำหรับ
ปริมาณส่งออกข้าวโลกต่อไป ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนให้มีสิ่งดีดีเกิดขึ้นในวันนี้
ให้ประเทศไทยมีข้าวที่มีความหลากหลายเป็นรูปธรรมไปขายในตลาดโลกนำเงินเข้าประเทศและจะเกิดผลดีกับเกษตรกรและภ
าพรวมของประเทศไทยต่อไป”
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า ในปีนี้มีพันธุ์ข้าวที่ชนะการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่
1.)รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-06 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)
2. ) รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-08 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด
(มูลนิธิรวมใจพัฒนา) 3. ) รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-13 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้
จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)

ช่วงที่ 4 ตอน แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดสุพรรณบุรี (ตอน3) ตลาดโพธิ์พระยา ตั้งอยู่ที่ตำบลโพธิ์พระยา
โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตกจังหวัดสุพรรณบุรี โบราณสถานวัดสนามชัย วัดพระธาตุ อุทยานมัจฉา วัดสามชุก
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ที่อำเภอเดิมบางนางบวช ตลาดร้อยปีสามชุก เป็นต้น

วันนี้ทางรายการของเรา ฯ ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีที่น่าสนใจ มาแนะนำกันค่ะ
ซึ่งอาจจะมีท่านผู้ฟังหลายท่านเคยไปเยี่ยมชมกันมาบ้างแล้ว ใครที่กำลังมองหา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ เดินทางไปง่ายๆ
มีอะไรให้เที่ยวมากมาย ลองแวะไปเที่ยว จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีคำขวัญที่ว่า สุพรรณบุรี เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ
เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง
เรามาเริ่มกันที่

ตลาดโพธิ์พระยา ตั้งอยู่ที่ตำบลโพธิ์พระยา เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน
ตลาดแห่งนี้นับว่าเป็นตลาดสดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของเพื่อนำไปประกอบอาหาร
เนื่องจากสินค้ามีความสดใหม่อยู่เสมอ โดยมีการจัดจำหน่ายอาหารคาว – หวาน ผักสด และผลไม้ต่างๆ ดอกไม้สด
ขนมหวานไทย พวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ได้แก่ หมู เนื้อ ปลา ไก่ ไข่ ฯลฯ เปิดจำหน่ายตั้งแต่เวลา 04.00 – 07.00 น. และเวลา
15.00 – 18.00 น.
โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตกจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ภายในศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภาคตะวันตกจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นโรงละครภูมิภาคขนาด 850 ที่นั่ง ซึ่งกำหนดให้สร้างขึ้นสำหรับภาคตะวันตกของประเทศ
เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการแสดง ให้บริการทางวิชาการด้านนาฏศิลป์ ดนตรี
รวมทั้งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมระหว่างชาติ ประจำภาคตะวันตก
มีการจัดการแสดงละครและกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมโดยนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลปให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม
ทุกวันเสาร์ที่ 1, 2 และ 3 สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 035 – 535112, 035 – 435116 บัตรเข้าชมราคา 40
บาท 60 บาท และ 80 บาท
โบราณสถานวัดสนามชัย ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลสนามชัย เมืองสุพรรณบุรี จากพงศาวดารเหนือเล่าว่า
พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้องผู้เป็นญาติสร้างขึ้นพร้อมกับบูรณะวัดป่าเลไลยก์ สันนิษฐานว่าสร้างก่อนปี พ.ศ. 1746
พบซากเจดีย์ขนาดใหญ่และกำแพงแก้วพร้อมเจดีย์บริวารเล็กๆทั้งสี่ทิศ กรมศิลปากรขุดแต่งองค์เจดีย์ ภายในกลวง
พบอัฐิธาตุป่นปนกับเถ้าถ่านจำนวนมากบรรจุไว้ในองค์เจดีย์ นักโบราณคดีให้ข้อสันนิษฐานและคำอธิบายว่า เจดีย์วัดสนามชัย
เป็นเจดีย์ 16 เหลี่ยม กว้างด้านละ 48 เมตร ยาวด้านละ 62 เมตร
สันนิษฐานจากศิลปะการก่อสร้างว่ามีการสร้างซ้อนกันอย่างน้อย 2 สมัย ตั้งแต่สมัยทวารวดี – สมัยอู่ทอง
(คือช่วงปลายทวารวดีต่อสมัยอยุธยา) และสมัยอยุธยา
วัดพระธาตุ หรือ วัดพระธาตุศาลาขาว ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดสวนแตง ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดพระธาตุนอก
เพราะลักษณะพระปรางค์คล้ายกับพระปรางค์ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุแต่ขนาดย่อมกว่า มีความสูงประมาณ 20 – 25 เมตร
จากสภาพที่หลงเหลือปัจจุบันเป็นพระปรางค์เดี่ยว มีบันไดและซุ้มประตู
ยอดพระปรางค์มนกว่ายอดพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งมียอดแหลม แผ่นอิฐมีขนาดเล็ก และสอด้วยปูนหวาน
เนื้อหยาบ จากหลักฐานของโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบได้จากพระปรางค์ สันนิษฐานได้ว่า วัดนี้สร้างในราว
ในรัชสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) หรือพระบรมไตรโลกนาถ
พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ อยู่ห่างจากเมืองสุพรรณบุรีไปประมาณ 31
กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 322 (สุพรรณบุรี – ดอนเจดีย์)
บริเวณนี้มีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระคชาธารออกศึก
และองค์เจดีย์ยุทธหัตถีซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างเจดีย์นี้ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามยุทธหัตถี
ที่ทรงมีต่อพระมหาอุปราชาแห่งพม่า และต่อมากองทัพบกได้บูรณปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์ขึ้นใหม่
โดยสร้างเป็นเจดีย์แบบลังกาทรงกลมใหญ่ สูง 66 เมตร ฐานกว้างด้านละ 36 เมตร ครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ ซึ่งได้กำหนดให้วันที่
25 มกราคมของทุกปี เป็นวันถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์และเป็นวันกองทัพไทย
และทางจังหวัดสุพรรณบุรี ได้กำหนดจัดให้มีงานเฉลิมฉลองพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ทุกปี
และถัดเลยไปจากเจดีย์ประมาณ 100 เมตร เป็นที่ตั้งของ พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ภายในมีรูปปั้นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระสุพรรณกัลยา มีผู้นิยมไปสักการบูชาอยู่เสมอ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมศิลปากร โทร. 035 – 545466 – 7

อุทยานมัจฉา วัดป่าพฤกษ์ อยู่ที่ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน
บริเวณหน้าวัดมีฝูงปลาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปลายสวาย ปลาเทโพ และปลานิล สามารถให้อาหารปลาได้อย่างใกล้ชิด
ซึ่งทางวัดสร้างเขื่อนเป็นทางเท้าริมน้ำยาวประมาณ 100 เมตร
วัดสวนหงษ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ตรงข้ามตลาดบางปลาม้า เป็นสถานที่การจัดการแข่งขันเรือยาวเป็นประจำทุกปี
โดยทางวัดได้เก็บสะสมเรือชนิดต่างๆ ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์
ตลาดเก้าห้อง ตั้งอยู่ที่เทศบาลตำบลบางปลาม้า
เป็นตลาดเก่าแก่ที่เป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองริมแม่น้ำท่าจีนเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว ตลาดเก้าห้องเป็นตลาดริมน้ำไทย –
จีนแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นสภาพบ้านเรือนไม้เก่า หรือชีวิตแบบเรียบง่าย การค้าขายสินค้าท้องถิ่น มีโรงงานทำขนมเปี๊ยะ
และขนมมงคลต่างๆ ขนมจันอับ มีร้านขายของเก่าโบราณ มี หอดูโจรเก่าแก่ สูงประมาณตึก 4 ชั้น
เพื่อใช้เป็นที่เฝ้ายามระวังโจรที่คอยจะจ้องเข้ามาปล้นตลาดในสมัยอดีตส่วนชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า
แต่ละชั้นฝาผนังจะเจาะรูใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว
เมื่อขึ้นไปบนยอดสุดจะมองเห็นทัศนียภาพทั้งทางบกและทางน้ำของตลาดเก้าห้อง
ตลาดเก่าศรีประจันต์บ้านเจ้าคุณ เป็นตลาดค้าส่งในอดีตอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน มีอายุประมาณกว่า 100 ปี
ตลาดแห่งนี้ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประจำปี 2551 รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม
ตัวอาคารเป็นห้องแถวไม้สองชั้น ภายในตัวตลาดมีสถานที่น่าสนใจ คือ บ้านเจ้าคุณ ป.อ.ปยุตโต
เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคนดีศรีประจันต์
และเป็นพระสงฆ์ไทยที่ได้รับการยกย่องเป็นกวีทางศาสนาพุทธและเป็นเพชรน้ำเอกของโลก
ปัจจุบันบ้านของท่านยังคงอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม รวมทั้งยังได้เก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนไว้ให้ชมอีกด้วย
หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ตั้งอยู่ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจันต์
เป็นสถานที่แสดงถึงวิถีการดำรงชีวิตของชาวนาชนบทไทยสมัยก่อน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับควาย
มีการจำลองบ้านไทยชนบทแบบภาคกลาง วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง การแสดงโชว์ของควาย
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยแห่งนี้ ท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบย้อนยุค รวมถึงกิจกรรมต่างๆ
อาทิเช่น การทำนาในแบบโบราณที่ยังใช้แรงงานจากควาย และอุปกรณ์การทำนาแบบโบราณ และมีกิจกรรม “กินกาแฟ
ดูฟาย” ที่ให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนได้นั่งจิบกาแฟ พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมนั่งจุดชมวิวควายเล่นน้ำ
หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 18.00 ไม่เว้นวันหยุดราชการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 035 – 582591 – 2, 081 – 3587347 www.buffalovillages.com
วัดบ้านกร่าง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดที่มีกรุพระขุนแผนบ้านกร่างที่ขึ้นชื่อ
มีพระประธานองค์ใหญ่ศิลปะสมัยอู่ทองประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเก่าแก่ มีวิหารอายุราวๆ 450 ปี
เป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อแก้ว มีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง มีเจดีย์ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่
จากองค์เดิมที่สร้างในสมัยอยุธยาซึ่งชำรุด สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเครื่องตระกูลวัดบ้านกร่าง (พระขุนแผน)
และพระเครื่องซึ่งมีลักษณะเป็นแก้วสีเขียว บริเวณริมแม่น้ำท่าจีนมีเจดีย์กลางน้ำ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 อายุราวๆ 150
ปี
ตลาดร้อยปีสามชุก ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 340 ริมแม่น้ำท่าจีน ติดที่ว่าการอำเภอสามชุก
เป็นตลาดเก่าแก่คงแบบดั้งเดิมโบราณไว้
และได้รับรางวัลดีเด่นโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2552
จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)

โดยได้ยกย่องการอนุรักษ์ชุมชนย่านตลาดเก่าสามชุกนี้ว่า “โครงการอนุรักษ์ชุมชนย่านตลาดเก่าสามชุกนี้ได้รับรางวัล Award
of Merit” ภายในตลาดมีการจำหน่ายสินค้าต่างๆ มากมาย มีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสามชุก และพิพิธภัณฑ์ขุนจำนงจีนารักษ์
ฯลฯ
วัดสามชุก ตั้งอยู่ที่ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก เป็นวัดเก่าแก่โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด
มีรอยพระพุทธบาทจำลองที่เก่าแก่ พระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยา และหงส์สัมฤทธิ์ นอกจากนี้
มีหอสวดมนต์ประดิษฐานหลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง
ชาวบ้านนิยมมาสักการะบูชาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่กับวัดมาช้านาน
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ที่อำเภอเดิมบางนางบวช เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,000 ไร่
ภายในบึงฉวากแห่งนี้มีแหล่งท่องเที่ยวให้ชมกัน ได้แก่
อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 1 และ 2 เป็นอาคารที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่น่าสนใจ ทั้งพันธุ์สัตว์น้ำจืด
และพันธุ์สัตว์น้ำเค็ม ในส่วนของพันธุ์สัตว์น้ำจืดมีทั้งพันธุ์ปลาไทย พันธุ์ปลาต่างประเทศ และพันธุ์ปลาสวยงามชนิดต่างๆ
และอาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 2 ประกอบด้วย ตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงามบรรจุน้ำได้กว่า 400 ลูกบาศก์เมตร
สามารถเดินดูปลาได้รอบตู้ และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร
ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย และมีนักประดาน้ำหญิงคอยให้อาหารปลา มีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้
และตู้ปลาน้ำเค็มอีก 7 ตู้ สำหรับอัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3 (อุโมงค์ปลาฉลาม) จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิด มีตู้ปลาทรงกระบอก
และตู้เปิดโลกใต้ทะเล ที่ใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย มีตู้ยักษ์ใต้สมุทร
มีทางเลื่อนแนวราบเพื่อความสะดวกสบายในการชมปลา ตู้แนวปะการัง โลกสีครามจากโอกินาวา อุโมงค์ปลาฉลาม
ตู้นี้มีฝูงปลาฉลามขนาดใหญ่หลากหลายชนิด ซึ่งเป็นอุโมงค์ปลาที่กว้างที่สุดในโลก และตู้สีสันสิมิลัน
ที่ตกแต่งด้วยปะการังสีชมพู กัลปังหาที่สวยงาม อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างประเทศ
ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น.
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 035 – 430043 – 4, 035 –
430108 – 9, 035 – 430033
บ่อจระเข้ เป็นบ่อที่จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด มีพื้นดิน บ่อน้ำ และต้นไม้ชนิดต่างๆ
มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5 – 4 เมตร มากกว่า 100 ตัว
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
มีการจัดนิทรรศการเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ที่หาดูได้ยาก
มีกรงนกใหญ่ที่ตกแต่งให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ มีกรงเสือและสิงโต กรงนกน้ำ กรงไก่ฟ้าและกรงสัตว์ปีก เป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 035 – 430090
ขอบคุณข้อมูลโดย ผู้อำนวยการสำนักงาน นายอภิวัฒน์ ทับทิมโต , ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :เพจ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี : TAT Suphanburi Office,91 ถ.พระพันวษา
ต.ท่าพีเลี้ยง, Suphan Buri, Thailand, Suphan Buri โทรศัพท์ 035 525 880 ,ขอบคุณข้อมูลหนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์"
ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
——————
ช่วงที่ 5 ตอน : ผัดฉ่า กับข้าวต้านโควิด ร้อนแรงด้วยสมุนไพรไทย ทั้งยังเป็นอาหารจากภูมิปัญญาไทย

ท่านผู้ฟังคะ ผัดฉ่า จัดอยู่ในตระกูลผัดกะเพราเพียงแต่เสริมด้วยกระชายซอยเส้นราว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกเหลืองหรือพริกแดงหั่นแฉลบ 2 เม็ด ใบมะกรูด ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ 4 ใบ ใบกะเพรา 2 กำมือ พริกไทยสด 3 – 4 ฝัก
วิธีทำ เครื่องพริก ใช้พริกขี้หนูสวน20-25เม็ด กระเทียมไทยราว20กลีบ หอมแดง2หัว พริกไทยดำ 2 ช้อนชา
รากผักชีซอย1ช้อนชา นำเครื่องพริกทั้งหมดลงครกโขลกให้แหลกปานกลาง เสร็จแล้วพักไว้
ใช้เนื้อสัตว์ตามต้องการ จะเป็นหมู เนื้อ ไก่ หรือเครื่องทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา หมึก ได้ทั้งนั้น กรณี หมู
หรือเนื้อใช้ราวครึ่งโลหั่นเป็นชิ้น แล้วหมักซอสปรุง รส หรือซีอิ๊วขาว น้ำปลา พอหมาดๆแล้วโรยพริกไทยป่นให้ทั่ว
คลุกให้เข้ากัน แล้วพักไว้
จากนั้นตั้งกะทะ ให้ไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมัน พอร้อนค่อนข้างแรง แล้วใส่เครื่องพริกที่ตำไว้ ผัดให้แตกกลิ่น
แล้วใส่เนื้อสัตว์ที่ต้องการ ผัดให้เข้ากับเครื่องพริกพอเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำตาลเพียงเล็กน้อย
ถ้าผัดแห้งไปให้ใส่น้ำได้นิดหน่อยจากนั้นใส่พริกหั่นแฉลบ กับกระชายซอยเส้น พริกไทยสดใบมะกรูดฉีก ผัดต่อไปให้เข้ากัน
ชิมรสอีกครั้งขาดรสชาติใดเติมได้ตามชอบใจ สุดท้ายใส่ใบกะเพรา ผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักใส่ลงชาม
อาหารที่เป็นภูมิปัญญาไทย เห็นได้จากการนำพืชผักสวนครัวที่อยู่ใกล้ตัวและมักมีอยู่ในครัวเรือน ด้วย
เพาะปลูกไว้กินกันเองในครอบครัวส่วนมาเป็น พริก ผัก กะเพรา โหรพา แมงลัก ข่า กระชาย ขมิ้น เป็นต้น
พืชผักสวนครัวเหล่านี้ นำมาลงครบ โขลกหยาบๆ เป็นเครื่องปรุงพริผัดเพื่อไปผัด กับเนื้อสัตว์ต่างๆ ส่วนมากเป็นกุ้ง หอย ปู
ปลาจะเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ หรือจะผัดรวมเป็น ทะเลผัดฉ่า
ด้วยความที่เครื่องพริกผัดฉ่าให้รสเผ็ด ร้อน มีฤทธิ์ทางยาสมุนไพร โดยเฉพาะ กระชาย ขมิ้น พริก พืชสมุนไพรเหล่านี้
ให้รสเผ็ดร้อน ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยขับพิษจากอาการไข้ต่างๆ รวมทั้งไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ๋ ไข้จากไวรัสโควิด
ยิ่งช่วงนี้มีฝนตกบ่อยมาก ผัดฉ่า ช่วยได้ เพื่อไม่ให้เกิดอาการไช้หวัด หรืออาการไข้ทั่วไป ผัดฉ่า ช่วยได้ ช่วยดับพิษไข้
จากรสเผ็ดร้อนจากพืชสมุนไพรที่เป็นเครื่องพริกผัดฉ่า อย่าลืมรับประทานอาหารให้เป็นยา ผัดฉ่า คือคำตอบ และนี่คือ
อาหารที่เป็นภูมิปํญญา ไทย ที่เป็นทั้งอาหารและเป็นยาในจานเดียวกัน
ผัดฉ่า อาหารจาก ภูมิปัญญาไทย
อาหารที่เป็นภูมิปัญญาไทย เห็นได้จากการนำพืชผักสวนครัวที่อยู่ใกล้ตัวและมักมีอยู่ในครัวเรือน ด้วย
เพาะปลูกไว้กินกันเองในครอบครัวส่วนมาเป็น พริก ผัก กะเพรา โหรพา แมงลัก ข่า กระชาย ขมิ้น เป็นต้น
พืชผักสวนครัวเหล่านี้ นำมาลงครบ โขลกหยาบๆ เป็นเครื่องปรุงพริผัดเพื่อไปผัด กับเนื้อสัตว์ต่างๆ ส่วนมากเป็นกุ้ง หอย ปู
ปลาจะเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ หรือจะผัดรวมเป็น ทะเลผัดฉ่า
ด้วยความที่เครื่องพริกผัดฉ่าให้รสเผ็ด ร้อน มีฤทธิ์ทางยาสมุนไพร โดยเฉพาะ กระชาย ขมิ้น พริก พืชสมุนไพรเหล่านี้
ให้รสเผ็ดร้อน ช่วยให้เจริญอาหาร แบะช่วยขับพิษจากอาการไข้ต่างๆ รวมทั้งไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ๋ ไข้จากไวรัสโควิด
ยิ่งช่วงนี้มีฝนตกบ่อยมาก ผัดฉ่า ช่วยได้ เพื่อไม่ให้เกิดอาการไช้หวัด หรืออาการไข้ทั่วไป ผัดฉ่า ช่วยได้ ช่วยดับพิษไข้
จากรสเผ็ดร้อนจากพืชสมุนไพรที่เป็นเครื่องพริกผัดฉ่า อย่าลืมรับประทานอาหารให้เป็นยา ผัดฉ่า คือคำตอบ และนี่คือ
อาหารที่เป็นภูมิปํญญาไทย ที่เป็นทั้งอาหารและเป็นยาในจานเดียวกัน
.
ช่วงที่ 6 บทเพลง “สาวอัมพวา”
จีระสุข ชินะโชติ ดำเนินรายการ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ